3. Economic importance of commercia

3. Economic importance of commercially extractable sugar content in sugarcane
In Australia, the standard industry measurement of sugar content is commercial cane sugar (CCS), which is derived from measurements of brix, pol, and fibre(BSES, 1984). CCS and other similar measures used in other countries are designed to estimate commercially recoverable sucrose in a sugar mill, reflecting the effects of impurities (dissolved, non-sucrose substances in cane juice) that cause sugar loss in molasses. However, CCS is also generally highly correlated with and similar to sucrose % on a fresh weight basis (Muchow et al., 1996). In Australian sugarcane breeding programs, cane
yield and CCS have traditionally been the two primary traits which are measured in most trials, with the product of these two traits being used to determine sugar yield. The relative economic value of changes in CCS and cane yield in sugarcane can be examined through analysis of the marginal changes in revenue and costs associated with such changes. Such a study was reported for the Australian sugar industry by Jackson et al. (2000). From a whole of industry perspective, the benefits from improving CCS were found to be up to 1.8 times greater than an equivalentproportional improvement in cane yield (Table 1). The increased benefit from CCS is due to the greater marginal costs of processing additional cane arising from increases in cane yield (harvesting, transport, and milling costs), compared to much smaller marginal costs associated with increased CCS (mill process additives and sugar transport costs). Clearly, assumptions
on sugar price and input costs used may vary in time and between industries in different countries, but these are broadly indicative of those in internationally competitive sugar industries. In the Australian sugar industry, price paid to growers per tonne of cane depends on CCS (Anon, 1997), so that the incentives and pressures for increasing CCS levels arise more
from the growing sector than the milling sector of the industry (Table 1). Some differences between regions occur because of differences in CCS and cane yield, and to a lesser extent, different marginal transport and milling costs across some regions.

Results (Thai) 1:

3. เศรษฐกิจความสำคัญของเนื้อหาในเชิงพาณิชย์ extractable น้ำตาลในอ้อยในออสเตรเลีย วัดน้ำตาลเนื้อหามาตรฐานอุตสาหกรรมเป็นธุรกิจน้ำตาล (CCS), ซึ่งได้มาจากการวัด brix, pol และเส้นใย (BSES, 1984) CCS และมาตรการอื่น ๆ คล้ายกันที่ใช้ในประเทศอื่น ๆ ออกแบบมาประเมินในเชิงพาณิชย์ลูกหนี้ซูโครสในโรงสีน้ำตาล สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของสิ่งสกปรก (ไม่ใช่ซูโครสละลาย สารในน้ำเท้า) ที่ทำให้สูญเสียน้ำตาลในกากน้ำตาล อย่างไรก็ตาม CCS ได้ยังโดยทั่วไปสูง correlated กับ และคล้ายกับซูโครส%ตามน้ำหนักสด (Muchow et al., 1996) ในโปรแกรมการปรับปรุงพันธุ์อ้อยออสเตรเลีย เท้าyield and CCS have traditionally been the two primary traits which are measured in most trials, with the product of these two traits being used to determine sugar yield. The relative economic value of changes in CCS and cane yield in sugarcane can be examined through analysis of the marginal changes in revenue and costs associated with such changes. Such a study was reported for the Australian sugar industry by Jackson et al. (2000). From a whole of industry perspective, the benefits from improving CCS were found to be up to 1.8 times greater than an equivalentproportional improvement in cane yield (Table 1). The increased benefit from CCS is due to the greater marginal costs of processing additional cane arising from increases in cane yield (harvesting, transport, and milling costs), compared to much smaller marginal costs associated with increased CCS (mill process additives and sugar transport costs). Clearly, assumptionson sugar price and input costs used may vary in time and between industries in different countries, but these are broadly indicative of those in internationally competitive sugar industries. In the Australian sugar industry, price paid to growers per tonne of cane depends on CCS (Anon, 1997), so that the incentives and pressures for increasing CCS levels arise morefrom the growing sector than the milling sector of the industry (Table 1). Some differences between regions occur because of differences in CCS and cane yield, and to a lesser extent, different marginal transport and milling costs across some regions.

Results (Thai) 2:

3.
ความสำคัญทางเศรษฐกิจของปริมาณน้ำตาลที่สกัดได้ในเชิงพาณิชย์ในอ้อยในประเทศออสเตรเลีย, การวัดมาตรฐานอุตสาหกรรมของปริมาณน้ำตาลเป็นน้ำตาลอ้อยในเชิงพาณิชย์ (CCS) ซึ่งได้มาจากการวัดของบริกซ์ออฟไลน์ออฟไลน์และเส้นใย (BSES, 1984) ซีซีเอสและมาตรการที่คล้ายกันอื่น ๆ ที่ใช้ในประเทศอื่น ๆ ได้รับการออกแบบเพื่อประเมินซูโครสคืนในเชิงพาณิชย์ในโรงงานน้ำตาลที่สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของสิ่งสกปรก (ละลายสารที่ไม่เติมน้ำตาลซูโครสในน้ำผลไม้อ้อย) ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียน้ำตาลกากน้ำตาล แต่ยังเป็น CCS โดยทั่วไปความสัมพันธ์กับและคล้ายกับน้ำตาลซูโครส% บนพื้นฐานน้ำหนักสด (Muchow et al., 1996) ในโปรแกรมการปรับปรุงพันธุ์อ้อยออสเตรเลียอ้อยผลผลิตและ CCS ได้รับแบบดั้งเดิมทั้งสองลักษณะหลักที่มีการวัดในการทดลองมากที่สุดกับผลิตภัณฑ์ของทั้งสองลักษณะที่ถูกใช้ในการกำหนดผลผลิตน้ำตาล
มูลค่าทางเศรษฐกิจความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงใน CCS และผลผลิตอ้อยในอ้อยสามารถตรวจสอบได้ผ่านการวิเคราะห์ของการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว การศึกษาดังกล่าวได้รับการรายงานสำหรับอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศออสเตรเลียโดยแจ็คสันและอัล (2000) จากมุมมองของทั้งอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากการปรับปรุง CCS พบว่ามีถึง 1.8 ครั้งยิ่งใหญ่กว่าการปรับปรุง equivalentproportional ผลผลิตอ้อย (ตารางที่ 1) ประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจาก CCS เป็นเพราะต้นทุนที่มากขึ้นของการประมวลผลอ้อยเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตอ้อย (การเก็บเกี่ยวการขนส่งและค่าใช้จ่ายในการกัด) เมื่อเทียบกับต้นทุนที่มีขนาดเล็กมากที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้น CCS (สารเติมแต่งขั้นตอนการโรงสีและค่าใช้จ่ายในการขนส่งน้ำตาล ) เห็นได้ชัดว่าสมมติฐานราคาน้ำตาลและต้นทุนการผลิตที่ใช้อาจแตกต่างกันในเวลาและระหว่างอุตสาหกรรมในต่างประเทศ แต่เหล่านี้เป็นวงกว้างที่บ่งบอกถึงผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่แข่งขันในระดับสากลน้ำตาล
ในอุตสาหกรรมน้ำตาลออสเตรเลียราคาที่จ่ายให้กับเกษตรกรผู้ปลูกต่อตันอ้อยขึ้นอยู่กับ CCS (อานนท์, 1997) เพื่อให้แรงจูงใจและความกดดันในการเพิ่มระดับ CCS
เกิดขึ้นมากขึ้นจากภาคที่เติบโตกว่าภาคกัดของอุตสาหกรรม(ตารางที่ 1) . ความแตกต่างระหว่างภูมิภาคเกิดขึ้นเนื่องจากความแตกต่างใน CCS และผลผลิตอ้อยและระดับที่น้อยกว่าการขนส่งที่แตกต่างกันเล็กน้อยและค่าใช้จ่ายการกัดทั่วพื้นที่บางส่วน

Results (Thai) 3:

3 . ความสำคัญทางเศรษฐกิจของปริมาณน้ำตาลในอ้อย
สกัดในเชิงพาณิชย์ในออสเตรเลีย มาตรฐานการวัดปริมาณน้ำตาลเป็นอุตสาหกรรมอ้อยน้ำตาล ( CCS ) ซึ่งได้มาจากการวัดบริกซ์ โพล และไฟเบอร์ ( bses , 1984 ) CCS และมาตรการที่คล้ายกันอื่น ๆที่ใช้ในประเทศอื่น ๆถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการประเมินในเชิงพาณิชย์ซูโครสน้ำตาล โรงงานสะท้อนให้เห็นถึงผลของสิ่งสกปรกที่ละลาย ไม่ใช้สารในน้ำอ้อย ) ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียน้ำตาลในกากน้ำตาล อย่างไรก็ตาม ซีซีก็มักสูง มีความสัมพันธ์กับและที่คล้ายกันน้ำตาลซูโครส % บนพื้นฐานน้ำหนักสด ( muchow et al . , 1996 ) ในออสเตรเลียโปรแกรมอ้อยพันธุ์อ้อย
และ CCS มีผ้าถูกหลักสองลักษณะ ซึ่งเป็นวัดในการทดลองมากที่สุดกับผลิตภัณฑ์ของทั้งสองลักษณะถูกใช้เพื่อตรวจสอบผลผลิตน้ำตาล เทียบกับมูลค่าทางเศรษฐกิจของการเปลี่ยนแปลงใน CCS และผลผลิตอ้อยในอ้อย สามารถตรวจสอบผ่านการวิเคราะห์ของการเปลี่ยนแปลงในรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เช่นการรายงานออสเตรเลีย อุตสาหกรรมน้ำตาล โดยแจ็คสัน et al . ( 2000 ) จากมุมมองของทั้งอุตสาหกรรมประโยชน์จากการปรับปรุงซีซี พบว่ามีถึง 1.8 เท่า การ ปรับปรุง equivalentproportional อ้อยผลผลิต ( ตารางที่ 1 ) เพิ่มประโยชน์จาก CCS เนื่องจากต้นทุนของการประมวลผลเพิ่มเติมมากขึ้น ส่วนที่เกิดจากการเพิ่มผลผลิตอ้อยในอ้อย ( การเก็บเกี่ยว การขนส่ง และต้นทุนการสีข้าว )เมื่อเทียบกับขนาดเล็กมากของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มซีซี ( สารกระบวนการบด และน้ำตาลต้นทุนการขนส่ง ) ชัดเจน , สมมติฐาน
ต้นทุนราคาน้ำตาลและการป้อนข้อมูลที่ใช้อาจแตกต่างกันในเวลาและระหว่างอุตสาหกรรมในประเทศที่แตกต่างกัน แต่เหล่านี้เป็นวงกว้างซึ่งผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมน้ำตาล การแข่งขันในระดับสากล ในอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายออสเตรเลียราคาที่จ่ายไปปลูกต่อตันอ้อยขึ้นอยู่กับ CCS ( นนท์ , 1997 ) เพื่อให้สิ่งจูงใจและแรงกดดันสำหรับการเพิ่มซีซีระดับเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการเติบโตของภาคมากกว่า
โม่ภาคของอุตสาหกรรม ( ตารางที่ 1 ) มีความแตกต่างระหว่างภูมิภาคเกิดขึ้นเนื่องจากความแตกต่างใน CCS ของอ้อย และผลผลิต และในระดับที่น้อยกว่า , การขนส่งและค่าใช้จ่ายส่วนต่างกัดทั่วภูมิภาค