Late 1833, when Mongkut was 29 year

Late 1833, when Mongkut was 29 years of age he went on a pilgrimage
to the far north of Siam. Itwas – and still is – customary that
enterprising Buddhist monks used the annual period outside the
rainy season, when the rules of the Sangha are somewhat more relaxed,
to make voyages that last more than a day. They cannot do so
during the rainy season when monks are allowed to travel only on
condition they return to their own monastery before the sun rises.
This particular journey that began late 1833 was a pilgrimage that
took Mongkut, among other places, all the way north to the ancient
towns of Sisatchanalaiand Sukhothai. Itwas in the latter town
that he found in the centre of the ruins of the past two remarkable
heavy stone objects:a gray slab of stone with designs in bas-reliefat
the edges which reputably had been the throne of the ruler of Sukhothai
and a large black stone inscribed with a curious ancient
type of script.

Results (Thai) 1:

1833 ปลาย เมื่อมงกุฎถูกเขาไปแสวงบุญมีอายุ 29 ปีทางเหนือไกลของสยาม Itwas – และยังคง เป็น – ขนบธรรมเนียมที่ภิกษุอาชีพใช้รอบระยะเวลารายปีอยู่ฝน เมื่อกฎของ Sangha จะค่อนข้างผ่อนคลายทำวอเยจส์ที่มากกว่าวันสุดท้าย พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นในช่วงเวลาอนุญาตให้พระสงฆ์เดินทางเฉพาะในฤดูฝนเงื่อนไขที่พวกเขากลับไปยังอารามของตนเองก่อนที่พระอาทิตย์ขึ้นเดินทางครั้งนี้โดยเฉพาะที่เริ่มสาย 1833 มีการจาริกแสวงบุญที่เอามงกุฎ ในสถานอื่น ๆ ทางเหนือคนโบราณเมืองสุโขทัย Sisatchanalaiand Itwas ในเมืองหลังที่เขาพบในซากปรักหักพังของอดีตสองโดดเด่นวัตถุหนักหิน: พื้นสีเทาหินด้วยการออกแบบใน bas reliefatขอบที่เคย reputably บัลลังก์ของเจ้าสุโขทัยและหินสีดำขนาดใหญ่จารึกกับโบราณอยากรู้อยากเห็นชนิดของสคริปต์

Results (Thai) 2:

ปลาย 1833 เมื่อพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น 29 ปีเขาก็เดินทาง
ไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสยาม เป็นการกำหนดข้อสัญญา - และยังคงเป็น - ธรรมเนียมที่
พระสงฆ์กล้าได้กล้าเสียใช้รอบระยะเวลาบัญชีนอก
ฤดูฝนเมื่อกฎของพระสงฆ์ที่ค่อนข้างผ่อนคลายมากขึ้น
เพื่อให้การเดินทางที่มีอายุการใช้งานมากกว่าหนึ่งวัน พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้น
ในช่วงฤดูฝนเมื่อพระภิกษุได้รับอนุญาตให้เดินทางเฉพาะใน
สภาพที่พวกเขากลับไปที่วัดของตัวเองก่อนที่ดวงอาทิตย์ขึ้น.
นี้การเดินทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เริ่มต้นขึ้นในช่วงปลาย 1833 เป็นที่แสวงบุญที่
เอาพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหมู่สถานที่อื่น ๆ ตลอดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โบราณ
เมือง Sisatchanalaiand สุโขทัย เป็นการกำหนดข้อสัญญาในเมืองหลัง
ที่เขาพบในใจกลางของซากปรักหักพังของที่ผ่านมาสองโดดเด่น
วัตถุหินหนัก: พื้นสีเทาของหินที่มีการออกแบบในรูปปั้น reliefat
ขอบซึ่ง reputably ได้รับราชบัลลังก์ของผู้ปกครองของสุโขทัย
และขนาดใหญ่ หินสีดำสลักโบราณอยากรู้อยากเห็น
ประเภทของสคริปต์

Results (Thai) 3:

สาย 996 เมื่อมงกุฎถูกอายุ 29 เขาไปแสวงบุญ
ไปเหนือสุดสยาม ( และยังคงมี ) และจารีตประเพณีที่
พระสงฆ์ กล้าได้กล้าเสีย ใช้ระยะเวลาปีนอก
ฤดูฝนเมื่อกฎของพระสงฆ์จะค่อนข้างมากที่จะทำให้การเดินทางที่ผ่อนคลาย
สุดท้ายมากกว่าวัน พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้น
ในช่วงฤดูฝน เมื่อพระสงฆ์ได้รับอนุญาตให้เดินทางได้เฉพาะบน
สภาพของพวกเขากลับวัดของตน ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
นี้โดยเฉพาะการเดินทางที่เริ่มต้นช้า 1833 เป็นธุดงค์ที่
เอาเทคโนโลยีในสถานที่อื่น ๆ ทางทิศเหนือของเมืองโบราณ
sisatchanalaiand สุโขทัย โดยในระยะหลังเมือง
ที่เขาพบในศูนย์ของซากปรักหักพังของอดีตสองโดดเด่น
หนักหินวัตถุ :สีเทาพื้นหินด้วยการออกแบบในบาส reliefat
ขอบซึ่ง reputably ได้รับราชบัลลังก์ของกษัตริย์ของสุโขทัย และหินขนาดใหญ่สีดำที่สลักแบบโบราณ
ขี้สงสัยของสคริปต์