Description/EtiologyBlasts, or expl

Description/EtiologyBlasts, or explosions, cause devastating injuries by a variety of mechanisms. At detonation, a blast produces an outward, high-pressure shock wave that travels radially at supersonic speed from the center of the blast, with a leading edge that immediately increases air pressure. This is followed by a powerful reverse wind, pulling back in the direction of the blast, leading to underpressurization. The shock wave causes progressively less damage as it moves away from the origin of the blast. Generally, all persons in the immediate vicinity (e.g., within 5 feet [1.5 m]) of a blast that is 200–250 psi (13.6–17.0 atmospheres) will be killed. Blasts cause more injuries if they occur in confined spaces (e.g., in buildings, mines, large vehicles) or if the shock wave moves through narrow streets.Over 100,000 military service members suffer from traumatic brain injuries caused by explosive devices, which is a result of being exposed to blast overpressure from firing large-caliber weapons (e.g., Carl Gustaf recoilless rifle). Service members exposed to these explosives or high-caliber weapons (even during training) can develop various cognitive deficits, especially those involving memory loss. A crucial mechanism for brain injuries are primary blast pressure waves caused when firing these large-caliber weapons. Currently, the United States Army does not provide protection against blast injuries caused by explosives.

Results (Thai) 1:

คำอธิบาย / สมุฏฐาน
Blasts หรือระเบิดได้รับบาดเจ็บสาเหตุการทำลายล้างด้วยความหลากหลายของกลไก ที่ระเบิดระเบิดผลิตออกไปด้านนอกคลื่นช็อกแรงดันสูงที่เดินทางเรดิที่ความเร็วเหนือเสียงจากศูนย์กลางของการระเบิดที่มีขอบชั้นนำที่ได้ทันทีเพิ่มความดันอากาศ นี้จะตามด้วยลมย้อนกลับที่มีประสิทธิภาพ, การดึงกลับมาอยู่ในทิศทางของการระเบิดที่นำไปสู่ underpressurization คลื่นลูกช็อตทำให้เกิดความเสียหายมีความก้าวหน้าน้อยขณะที่มันเคลื่อนออกไปจากจุดเริ่มต้นของการระเบิด โดยทั่วไปทุกคนในบริเวณใกล้เคียง (เช่นภายใน 5 ฟุต [1.5 เมตร]) ของระเบิดที่เป็น 200-250 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (13.6-17.0 บรรยากาศ) จะถูกฆ่าตาย ลั่นทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นถ้าพวกเขาเกิดขึ้นในสถานที่คับแคบ (เช่นในอาคารเหมืองยานพาหนะขนาดใหญ่) หรือถ้าย้ายคลื่นช็อกไปตามถนนแคบ ๆ
มากกว่า 100,000 สมาชิกรับราชการทหารต้องทนทุกข์ทรมานจากการบาดเจ็บของสมองบาดแผลที่เกิดจากอุปกรณ์ระเบิดซึ่งเป็นผลมาจากการสัมผัสกับระเบิดแรงดันเกินจากการยิงอาวุธขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง (เช่น Carl Gustaf recoilless ปืนไรเฟิล) บริการสมาชิกสัมผัสกับวัตถุระเบิดหรืออาวุธเหล่านี้มีศักยภาพสูง (แม้ในช่วงการฝึกอบรม) สามารถพัฒนาองค์ความรู้การขาดดุลต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียความจำ กลไกสำคัญสำหรับการบาดเจ็บที่สมองจะถูกคลื่นความดันระเบิดหลักเกิดขึ้นเมื่อการยิงอาวุธเหล่านี้มีขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง ปัจจุบันกองทัพบกสหรัฐไม่ได้ให้การป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดจากการระเบิดวัตถุระเบิด

Results (Thai) 2:

คำอธิบาย/สาเหตุ
แรงหรือระเบิดทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ทำลายล้างโดยกลไกที่หลากหลาย ในการระเบิด, ระเบิดก่อให้เกิดการออก, คลื่นช็อกแรงดันสูงที่เดินทางรัศมีที่ความเร็วเร็วเหนือเสียงจากศูนย์กลางของระเบิดที่มีขอบชั้นนำที่เพิ่มความดันอากาศทันที นี่คือตามด้วยลมย้อนกลับที่มีประสิทธิภาพดึงกลับไปในทิศทางของการระเบิดที่นำไปสู่การลดแรงดัน คลื่นช็อกทำให้เกิดความเสียหายน้อยลงเมื่อมันย้ายออกจากจุดกำเนิดของระเบิด โดยทั่วไปแล้วทุกคนในบริเวณใกล้เคียง (เช่นภายใน5ฟุต [๑.๕ m]) ของระเบิดที่เป็น200– 250 psi (13.6 –บรรยากาศ) จะถูกฆ่าตาย ทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้นหากเกิดขึ้นในพื้นที่แคบ (เช่นในอาคารเหมืองแร่ยานพาหนะขนาดใหญ่) หรือถ้าคลื่นช็อกเคลื่อนผ่านถนนแคบๆ
กว่า๑๐๐,๐๐๐สมาชิกบริการทางทหารทนทุกข์ทรมานจากการบาดเจ็บของสมองบาดแผลที่เกิดจากอุปกรณ์ระเบิดซึ่งเป็นผลมาจากการสัมผัสกับการระเบิดแรงกดดันจากการยิงอาวุธขนาดใหญ่ (เช่นคาร์ลกุลตาฟที่มีปืนไรเฟิล) สมาชิกบริการที่สัมผัสกับวัตถุระเบิดเหล่านี้หรืออาวุธระดับสูง (แม้ในระหว่างการฝึกอบรม) สามารถพัฒนาการขาดดุลทางปัญญาต่างๆ, โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียความจำ. กลไกที่สำคัญสำหรับการบาดเจ็บที่สมองคือคลื่นความดันระเบิดหลักที่เกิดขึ้นเมื่อยิงอาวุธขนาดใหญ่เหล่านี้ ปัจจุบันกองทัพบกสหรัฐไม่ได้ให้การป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดจากการระเบิด

Results (Thai) 3:

อธิบายสาเหตุของตับ
ระเบิดหรือระเบิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงผ่านกลไกต่างๆ เมื่อระเบิดระเบิดสร้างคลื่นช็อกแรงดันสูงภายนอกที่เดินทางจากศูนย์กลางของการระเบิดในรัศมีเหนือขอบด้านหน้าสามารถเพิ่มความดันอากาศทันที ตามด้วยแรงลมเคาน์เตอร์ที่ดึงกลับในทิศทางของการระเบิดที่นำไปสู่การลดความดัน ความเสียหายที่เกิดจากคลื่นช็อกลดลงเมื่อมันออกจากแหล่งระเบิด โดยทั่วไปแล้วทุกคนในกลุ่ม of200-250 ปอนด์จะตายใกล้ระเบิดของ 13.6-17.0 เช่นภายใน 5-foot 9111.5 เมตร ความเสียหายเพิ่มเติมจะเกิดขึ้นถ้าการระเบิดเกิดขึ้นในพื้นที่ปิดเช่นอาคารเหมืองแร่หรือยานพาหนะขนาดใหญ่หรือถ้าคลื่นช็อกวิ่งผ่านถนนแคบๆ
มากกว่าหนึ่งหมื่นคนได้รับบาดเจ็บที่สมองจากอุปกรณ์ระเบิดที่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดความดันสูงสุดในการยิงอาวุธขนาดใหญ่เช่นคาร์ลกุสตาฟ การติดต่อกับวัตถุระเบิดเหล่านี้หรืออาวุธที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสูงหรือแม้แต่ในช่วงการฝึกอบรมสามารถสร้างความหลากหลายของข้อบกพร่องทางปัญญาโดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้ หนึ่งในกลไกที่สำคัญของความเสียหายที่สมองเป็นคลื่นความดันหลักที่สร้างขึ้นโดยการเปิดตัวอาวุธขนาดใหญ่เหล่านี้ ปัจจุบันกองทัพสหรัฐไม่ได้ให้การป้องกันความเสียหายจากการระเบิด