Implement configurationThe scarifie

Implement configuration
The scarifier and the two combine drill configurations
had poor residue handling characteristics when operated
in standing stubble (Table 6). The scarifier with the
‘edge-on’ tines and 500mm nominal clearance had fewer
blockages than the two combine drill configurations in
shorter straw. The ‘C’-shaped tines on the combine had
a rectangular edge and 400mm nominal clearance. The
Pig’s Tail improved the performance of the ‘edge-on’
tines fitted to the scarifier when it was operated in the
high stubble density of 47 t ha
1. The Pig’s Tail stopped
the hair pinning of stubble and allowed it to rotate
before stubble could build up on the shank. The straw
rarely collected on the scarifier tines at low stubble levels
(32 t ha
1) when more than 50% of the straw was less
than 200mm (Tp), especially when Pig’s Tail was fitted
to the ‘edge-on’ tines. Partial mulching of stubble (Fs
and Op) improved stubble handling but still resulted in
unacceptable blockages around tines.
In contrast to the performance of the scarifier, a tine
spacing of 500mm on each rank of the John Shearer
combine drill (940mm spacing between each rank,
Drill2) resulted in complete blockages of straw as soon
as implement travel was commenced in standing stubble.
A similar blockage occurred when the coil tines were
spaced 750mm apart on each rank with a rank spacing
of 470mm between each of the three bars (Drill3). This
tine configuration had poor stubble flow under all
stubble conditions. The wrapping of tines in Pig’s Tail
did not improve residue flow on Drill3 as the tines on
the middle rank prevented the stubble clearing the front
tines.
Major blockages were observed with both combine
set ups when at least 20% of the stubble had a
length greater than 400mm (Fs and Op stubble
treatments), especially at the high stubble level of
47 t ha
1. These stubble mulch treatments also had less
than 50% of stubble shorter than 200 mm. The combine
drill with coil tines mounted on two bars spaced 940mm
apart only had good stubble handling characteristics
when operating in short straw (Ss and Tp stubble
treatments) and the tines wrapped in Pig’s Tail
(Table 6).

Results (Thai) 1:

Implement configurationThe scarifier and the two combine drill configurationshad poor residue handling characteristics when operatedin standing stubble (Table 6). The scarifier with the‘edge-on’ tines and 500mm nominal clearance had fewerblockages than the two combine drill configurations inshorter straw. The ‘C’-shaped tines on the combine hada rectangular edge and 400mm nominal clearance. ThePig’s Tail improved the performance of the ‘edge-on’tines fitted to the scarifier when it was operated in thehigh stubble density of 47 t ha
1. The Pig’s Tail stoppedthe hair pinning of stubble and allowed it to rotatebefore stubble could build up on the shank. The strawrarely collected on the scarifier tines at low stubble levels(32 t ha
1) when more than 50% of the straw was lessthan 200mm (Tp), especially when Pig’s Tail was fittedto the ‘edge-on’ tines. Partial mulching of stubble (Fsand Op) improved stubble handling but still resulted inunacceptable blockages around tines.In contrast to the performance of the scarifier, a tinespacing of 500mm on each rank of the John Shearercombine drill (940mm spacing between each rank,Drill2) resulted in complete blockages of straw as soonas implement travel was commenced in standing stubble.A similar blockage occurred when the coil tines werespaced 750mm apart on each rank with a rank spacingof 470mm between each of the three bars (Drill3). Thisแพงกว่าตั้งค่าคอนฟิกมีตุ๊กตาจนกระแสภายใต้ทั้งหมดสภาพตุ๊กตา ตัดของ tines ในหางหมูไม่ไม่พัฒนาไหลตกค้างบน Drill3 เป็น tines บนลำดับกลางทำตุ๊กตาที่ล้างหน้าtinesลดการอุดตันที่สำคัญได้สังเกต ด้วยรวมทั้งตั้ง ups เมื่อน้อย 20% ของตุ๊กตาที่มีความความยาวมากกว่า 400 มม. (Fs และ Op ตุ๊กตารักษา), โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ระดับตุ๊กตาสูง4 7 t ฮา 1 รักษา mulch ตุ๊กตาเหล่านี้ยังมีน้อยกว่า 50% ของตุ๊กตาสั้นกว่า 200 มม. การรวมสว่าน มี tines ขดลวดติดตั้งอยู่บนสองบาร์ลที่ 940 มม.กันเพียงแต่มีการจัดการลักษณะตุ๊กตาดีเมื่อทำงานในระยะสั้นฟาง (Ss และ Tp ตุ๊กตารักษา) และ tines ห่อหางหมู(ตาราง 6)

Results (Thai) 2:

ใช้การตั้งค่า
scarifier และทั้งสองรวมการกำหนดค่าเจาะ
มีลักษณะการจัดการสารตกค้างที่ไม่ดีเมื่อดำเนินการ
ในการยืนตอซัง (ตารางที่ 6) scarifier กับ
ขอบบน 'ซี่และ 500mm ระยะห่างปกติมีน้อย
กว่าการอุดตันรวมทั้งสองกำหนดค่าเจาะใน
ฟางสั้น 'ซี่ C'รูปบนรวมมี
ขอบสี่เหลี่ยมและ 400mm ระยะห่างปกติ
หางหมูปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของ 'ขอบที่'
ซี่พอดีกับ scarifier เมื่อมันถูกดำเนินการใน
ความหนาแน่นสูงของตอซัง 4 7 ตันต่อเฮกตาร์ 1 หางหมูหยุด
ผมปักหมุดตอซังและได้รับอนุญาตให้หมุน
ก่อนที่ตอซังจะสร้างขึ้นบนขา ฟาง
ที่เก็บรวบรวมไม่ค่อยซี่ scarifier ในระดับที่ตอซังต่ำ
(3 2 ตันต่อเฮกตาร์ 1) เมื่อกว่า 50% ของฟางน้อย
กว่า 200mm (TP) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหางหมูก็พอดี
กับ 'ขอบบน ซี่ คลุมดินบางส่วนของตอซัง (Fs
และ Op) การจัดการตอซังที่ดีขึ้น แต่ก็ยังส่งผลให้เกิด
การอุดตันที่ยอมรับไม่ได้รอบซี่.
ในทางตรงกันข้ามกับประสิทธิภาพการทำงานของ scarifier, ขวากหนาม
ระยะห่างของ 500mm ในตำแหน่งของจอห์นเชียเรอร์แต่ละ
รวมเจาะ (940mm ระยะห่างระหว่างแต่ละตำแหน่ง ,
Drill2) ส่งผลให้เกิดการอุดตันที่สมบูรณ์ของฟางโดยเร็ว
ที่สุดเท่าที่ใช้เดินทางได้เริ่มยืนอยู่ในตอ.
อุดตันที่คล้ายกันเกิดขึ้นเมื่อขดลวดซี่ได้รับการ
เว้นระยะห่างกัน 750mm ในแต่ละตำแหน่งที่มีระยะห่างอันดับ
ของ 470mm ระหว่างกันของทั้งสามบาร์ (Drill3) . นี้
การกำหนดค่าขวากหนามมีกระแสตอซังยากจนภายใต้
เงื่อนไขที่ตอซัง ห่อของซี่ในหางหมู
ไม่ได้ปรับปรุงการไหลของสารตกค้างใน Drill3 เป็นซี่ใน
ตำแหน่งตรงกลางป้องกันไม่ให้ตอซังล้างหน้า
ซี่.
การอุดตันที่สำคัญพบกับทั้งรวม
ups ตั้งเมื่ออย่างน้อย 20% ของตอซังมี
ความยาวมากขึ้น กว่า 400mm (Fs Op และตอซัง
รักษา) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับสูงของตอซัง
4 7 ตันต่อเฮกตาร์ 1 การรักษาเหล่านี้คลุมด้วยหญ้าตอซังยังมีน้อย
กว่า 50% ของตอซังที่สั้นกว่า 200 มิลลิเมตร รวม
เจาะกับขดลวดซี่ติดตั้งอยู่บนสองแท่ง 940mm ระยะห่าง
ออกจากกันมีเพียงลักษณะการจัดการที่ดีตอซัง
เมื่อทำงานในฟางสั้น (SS และตอซัง Tp
รักษา) และซี่ห่อหางหมู
(ตารางที่ 6)

Results (Thai) 3:

ผู้พูดหรือวิจารณ์อย่างรุนแรง และใช้ค่า

มีแบบเจาะสองรวมกากไม่ดีการจัดการคุณลักษณะเมื่อดำเนินการ
ยืนตอ ( ตารางที่ 6 ) ที่พูดหรือวิจารณ์อย่างรุนแรงกับ tines
'edge-on ' และระบุการอุดตันน้อยลง
500mm มีมากกว่าสองรวมค่าเจาะ
ฟางสั้น ' C ' - รูป tines ในรวมมี
ขอบสี่เหลี่ยมและ 400 ปกติไม่ได้
หมูหางปรับปรุงประสิทธิภาพของ ' ขอบ '
tines พอดีกับผู้พูดหรือวิจารณ์อย่างรุนแรงเมื่อมันถูกดำเนินการใน
สูงแต่ความหนาแน่นของ 4  7 T ฮา
1 ของหมูหางหยุด
ผมให้ตอซังและอนุญาตให้มันหมุน
ก่อนตออาจสร้างขึ้นบนขา . ฟาง
ไม่ค่อยเก็บบน tines ผู้พูดหรือวิจารณ์อย่างรุนแรงในระดับต่ำ
ตอ( 3  2 T ฮา
1 ) เมื่อกว่า 50 % ของฟางน้อย
มากกว่า 200mm ( TP ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหมูหางติดตั้ง
กับ ' ' ขอบ ' tines . ย่อยตอซังคลุม ( FS
และ OP ) ปรับปรุงตอการจัดการแต่ยังส่งผลให้เกิดการอุดตันได้รอบ tines
.
ในทางตรงกันข้ามกับผลงานของผู้พูดหรือวิจารณ์อย่างรุนแรง , ไทน์
ระยะ 500mm ในแต่ละตำแหน่งของจอห์น เชียเรอร์
รวมเจาะ ( 940mm ระยะห่างระหว่างแต่ละอันดับ
drill2 ) ส่งผลให้เกิดการอุดตันที่สมบูรณ์ของฟางทันที
ที่ใช้เดินทางก็เริ่มยืนตอ .
อุดตันที่คล้ายกันเกิดขึ้นเมื่อขดลวด tines ถูกเว้นระยะห่างแต่ละอันดับ 750mm

ของ 470mm กับตำแหน่งระยะห่างระหว่างแต่ละสามแถบ ( drill3 ) แล้วปรับแต่งได้ไม่ดี แต่นี้
ไหลภายใต้เงื่อนไขตอทั้งหมด

การตัดของ tines ในหมูหาง
ไม่ได้ปรับปรุงตกค้างไหล drill3 เป็น tines บน
อันดับกลางให้ฟางล้าง tines ด้านหน้า
.
อุดตันหลักที่พบ มีทั้งรวม
ups ตั้งเมื่ออย่างน้อย 20% ของฟางมี
ความยาวมากกว่า 400 ( FS และ OP แต่ตอ
รักษา ) โดยเฉพาะในระดับสูง แต่  7
4 T ฮา
1เหล่านี้จะรักษาได้น้อยกว่า mulch
กว่า 50% ของหนวดสั้นกว่า 200 mm . รวม
เจาะกับขดลวด tines ติดตั้งอยู่บนสองแถบเว้นระยะห่างกันเพียง 940mm

เมื่อตอที่ดีการจัดการปฏิบัติการในลักษณะสั้น ฟาง ( SS และ TP ซัง
รักษา ) และ tines ห่อหมูหาง
( ตารางที่ 6 )