Students have agonized over mathema

Students have agonized over mathematics for decades, yet teachers continue to write two
example problems on the board and assign a set of similar ones for students to practice hoping
that this strategy will somehow breed deep understanding and appreciation of mathematics. With
this teaching technique present in schools across the nation, it is not difficult to reason why the
United States was so poorly represented in the Third International Mathematics and Science
Study (Goldsmith and Mark, 1999). Recognizing this detrimental trend, the National Council of
Teachers of Mathematics (NCTM) developed and revised a set of standards and curriculum in
1989, 1991, and 1995 called standards-based mathematics (Phillips, Lappan, and Grant, 2006).
The goal of standards-based mathematics is to remedy students’ fear, aversion, and
misunderstanding of mathematics by providing instruction which instills lasting comprehension
of concepts and processes; enhances students’ ability to make connections within the content,
other disciplines, and to everyday experiences; and finally generates students’ capability of
communicating mathematical ideas (Phillips et al. 2006)

Results (Thai) 1:

นักเรียนมี agonized มากกว่าคณิตศาสตร์สำหรับทศวรรษที่ผ่านมา แต่ครูเขียนสองต่อไปปัญหาตัวอย่างบนกระดานและกำหนดชุดของคล้ายกันสำหรับนักเรียนฝึกหัดหวังว่า กลยุทธ์นี้จะอย่างใดขุนลึกเข้าใจและซาบซึ้งของคณิตศาสตร์ ด้วยเทคนิคนี้สอนอยู่ในโรงเรียนทั่วประเทศ ไม่ยากให้เหตุผลว่าทำไมการสหรัฐอเมริกาเป็นงานเพื่อแสดงในสามนานาชาติคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ศึกษา (ทองและเครื่องหมาย 1999) ยอมรับแนวโน้มนี้อนุ สภาแห่งชาติของครูของคณิตศาสตร์ (NCTM) พัฒนา และปรับปรุงมาตรฐานและหลักสูตรในปี 1989, 1991 และ 1995 เรียกว่าคณิตศาสตร์ตามมาตรฐาน (ไขควง Lappan และเงินช่วย เหลือ 2006)เป้าหมายของวิชาคณิตศาสตร์ที่ใช้คือบำบัดความกลัวของนักเรียน aversion และเข้าใจผิดของคณิตศาสตร์ โดยการให้คำแนะนำที่ instills ทำความเข้าใจที่ยั่งยืนแนวคิดและกระบวนการ ช่วยนักเรียนความสามารถในการสร้างการเชื่อมต่อภายในเนื้อหาสาขาวิชาอื่น ๆ และ ประสบการณ์ชีวิตประจำวัน และสุดท้าย สร้างความสามารถของนักเรียนของสื่อสารความคิดทางคณิตศาสตร์ (ไขควง et al. 2006)

Results (Thai) 2:

นักเรียนได้เห็นใจคณิตศาสตร์มานานหลายทศวรรษ แต่ครูยังคงเขียนสอง
ปัญหาตัวอย่างเช่นในคณะกรรมการและกำหนดชุดของคนที่คล้ายกันเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกหวัง
ว่ากลยุทธ์นี้อย่างใดจะก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจและการแข็งค่าของคณิตศาสตร์ ด้วย
เทคนิคการสอนนี้อยู่ในโรงเรียนทั่วประเทศก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากที่จะให้เหตุผลว่าทำไม
อเมริกาเป็นตัวแทนเพื่อไม่ดีในวิชาคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศที่สามและวิทยาศาสตร์
การศึกษา (ช่างทองและมาร์ค, 1999) ตระหนักถึงแนวโน้มอันตรายสภาแห่งชาติของ
ครูคณิตศาสตร์ (NCTM) การพัฒนาและปรับปรุงชุดของมาตรฐานและหลักสูตรใน
ปี 1989, 1991 และ 1995 ที่เรียกว่าตามมาตรฐานคณิตศาสตร์ (ฟิลลิป Lappan และแกรนท์ 2006).
เป้าหมายของ ตามมาตรฐานคณิตศาสตร์คือการแก้ไขความกลัวของนักเรียน, ความเกลียดชังและ
ความเข้าใจผิดของคณิตศาสตร์โดยการให้การเรียนการสอนซึ่ง instills ความเข้าใจที่ยั่งยืน
ของแนวคิดและกระบวนการ; เพิ่มความสามารถของนักเรียนที่จะทำให้การเชื่อมต่อภายในเนื้อหา
สาขาวิชาอื่น ๆ และประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน และในที่สุดก็สร้างความสามารถของนักเรียน
ในการสื่อสารความคิดทางคณิตศาสตร์ (ฟิลลิป et al. 2006)

Results (Thai) 3:

นักเรียนต้องทุกข์ระทมไปคณิตศาสตร์สำหรับทศวรรษ แต่ครูยังคงเขียนสอง
ตัวอย่างปัญหาคณะกรรมการและกำหนดชุดของคล้าย ๆให้นักศึกษาได้ฝึกหวัง
ว่ากลยุทธ์นี้จะทำให้พันธุ์ความเข้าใจที่ลึกซึ้งและความชื่นชมของคณิตศาสตร์ ด้วยเทคนิควิธีการสอนปัจจุบัน
นี้ในโรงเรียนทั่วประเทศก็ไม่ยากที่จะทำให้
สหรัฐอเมริกาได้แสดงได้ไม่ดีเลยในคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศที่สามและวิทยาศาสตร์
ศึกษา ( ช่างทองและเครื่องหมาย , 1999 ) ตระหนักถึงแนวโน้มนี้เป็นอันตราย สภาแห่งชาติ
ครูคณิตศาสตร์ ( nctm ) พัฒนาและปรับปรุงชุดของมาตรฐานและหลักสูตร
1989 , 1991 และ 1995 เรียกว่ามาตรฐานคณิตศาสตร์พื้นฐาน ( ฟิลลิปส์ lappan , และให้ , 2006 ) .
เป้าหมายของคณิตศาสตร์ตามมาตรฐานเพื่อรักษาความกลัว นักเรียนรังเกียจและ
เข้าใจผิดของคณิตศาสตร์โดยการให้การเรียนการสอนซึ่ง instills ความเข้าใจที่ยั่งยืน
ของแนวคิด และกระบวนการ เพิ่มความสามารถของนักเรียนเพื่อให้การเชื่อมต่อภายในเนื้อหา
สาขาวิชาอื่น ๆและเพื่อประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน และสร้างขีดความสามารถของ
นักเรียนในที่สุดการสื่อสารแนวคิดทางคณิตศาสตร์ ( Phillips et al . 2006 )