หนองหานหลวง เป็นหัวเมืองหลักทางเหนื

หนองหานหลวง เป็นหัวเมืองหลักทางเหนือของอาณาจักรขอมในสมัยนั้น สันนิษฐานน่าจะเป็นเมืองประเทศราชเช่นเดียวกับ พิมาย หรือละโว้ ของอาณาจักรขอม ซึ่งมีศูนย์กลางการปกครองที่เมืองพระนคร(นครธม) เมืองหนองหานหลวงมีเขียนบันทึกไว้ใน ตำนานอุรังคธาตุ ในตอนที่สร้างองค์พระธาตุพนม จังหวัดนครพนมตอนหนึ่งว่า[1]

"...เมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว มัลลกษัตริย์ทั้งหลายได้ถวายพระเพลิงพระสรีระ แต่ไม่สำเร็จ จนเมื่อพระมหากัสสปะมาถึงได้อธิษฐานว่า พระธาตุองค์ใดที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่ภูกำพร้า ขอพระธาตุองค์นั้นเสด็จมาอยู่บนฝ่ามือ ดังนี้แล้ว พระอุรังคธาตุ ก็เสด็จมาอยู่บนฝ่ามือขวาของพระมหากัสสปะ ขณะนั้นไฟธาตุก็ลุกขึ้นโชติช่วง เผาพระสรีระได้เองเป็นอัศจรรย์ เมื่อถวายพระเพลิงและแจกพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ก็ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุ มาทางอากาศ แล้วมาลงที่ดอยแท่น (ภูเพ็กในปัจจุบัน) จากนั้นได้ไปบิณฑบาตที่ เมืองหนองหารหลวง เพื่อบอกกล่าวแก่พญาสุวรรณพิงคาระ ตำนานตอนนี้ตรงกับตำนานพระธาตุเชิงชุม และ[พระธาตุนารายณ์เจงเวง] ซึ่งมีรายละเอียดอยู่แล้ว

เมื่อพญาทั้ง 5 ซึ่งอยู่ ณ เมืองต่าง ๆ อันได้แก่ พญานันทเสน แห่งเมืองศรีโคตบูร พญาจุลณีพรหมทัต พญาอินทปัตถนคร พญาคำแดง แห่งเมืองหนองหานน้อย และพญาสุวรรณพิงคาระ แห่งเมืองหนองหารหลวง ได้พากันปั้นดินดิบก่อแล้วเผาไฟ ตามคำแนะนำของพระมหากัสสปะ แบบพิมพ์ดินกว้างยาวเท่ากับฝ่ามือพระมหากัสสปะ

ครั้นปั้นดินเสร็จแล้วก็พากันขุดหลุมกว้าง 2 วา ลึก 2 ศอก เท่ากันทั้ง 4 ด้าน เมื่อก่อดินขึ้นเป็นรูปเตา 4 เหลี่ยม สูง 1 วา โดยพญาทั้ง 4 แล้ว พญาสุวรรณภิงคาระก็ได้ก่อส่วนบน โดยรวมยอดเข้าเป็นรูปฝาปารมีสูง 1 วา รวมความสูงทั้งสิ้น 2 วา แล้วทำประตูเตาไฟทั้ง 4 ด้าน เอาไม้จวง จันทน์ กฤษณา กระลำพัก คันธรส ชมพู นิโครธ และไม้รัง มาเป็นพื้น ทำการเผาอยู่ 3 วัน 3 คืน เมื่อสุกแล้วจึงเอาหินหมากคอยกลางโคก มาถมหลุม เมื่อสร้างอุโมงค์ดังกล่าวเสร็จแล้ว พญาทั้ง 5 ก็ได้บริจาคของมีค่าบรรจุไว้ในอุโมงค์เป็นพุทธบูชา

จากนั้น พระมหากัสสปะ ก็ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุ เข้าบรรจุภายในที่อันสมควร แล้วให้ปิดประตูอุโมงค์ไว้ทั้ง 4 ด้าน โดยสร้างประตูด้วยไม้ประดู่ ใส่ดาลปิดไว้ทั้ง 4 ด้าน แล้วให้คนไปนำเอาเสาศิลาจากเมืองกุสินารา1 ต้น มาฝังไว้ที่มุมเหนือตะวันออก แปลงรูปอัศมุขี (ยักษิณีหน้าเป็นม้า) ไว้โคนต้นเพื่อเป็นหลักชัยมงคลแก่บ้านเมืองในชมพูทวีป นำเอาเสาศิลาจากเมืองพาราณสี 1 ต้น ฝังไว้มุมใต้ตะวันออก แปลงรูปอัศมุขีไว้โคนต้น เพื่อหมายมงคลแก่โลก นำเอาเสาศิลาจากเมืองตักศิลา 1 ต้น ฝังไว้มุมเหนือตะวันตก พญาสุวรรณพิงคาระให้สร้างรูปม้าอาชาไนยไว้ตัวหนึ่ง หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อแสดงว่าพระบรมธาตุเสด็จออกมาทางทิศทางนั้น และพระพุทธศาสนาจักเจริญรุ่งเรืองจากเหนือเจือมาใต้ พระมหากัสสปะให้สร้างม้าพลาหกไว้ตัวหนึ่ง คู่กัน หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อเป็นปริศนาว่า พญาศรีโคตบูรจักได้สถาปนาพระอุรังคธาตุไว้ตราบเท่า 5,000 พระวัสสา เกิดทางใต้และขึ้นไปทางเหนือ เสาอินทขีล ศิลาทั้ง 4 ต้น ยังปรากฏอยู่ 2 ต้น ทางทิศตะวันออก ส่วนอีก 2 ต้น ได้ก่อหอระฆังหุ้มไว้ ส่วนม้าศิลาทั้ง 2 ตัว ก็ยังปรากฏอยู่ถึงปัจจุบัน..."

จากตำนานอุรังคธาตุ พอหมดสมัยของพระยาสุวรรณภิงคาระ กษัตริย์องค์ต่อมาคงปกครองเรื่อยมา แต่ไม่มีบทบาทเท่าพระยาสุวรรณภิงคาระ ไม่ก็เกิดสงคราม หรือก็อาจเกิดภัยธรรมชาติจนทำให้ต้องอพยพไปที่อื่น อาจจะเป็นเพราะสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งก็เป็นได้ จึงทำให้เมืองหนองหานหลวงร้าง และขาดหายไปจากประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่ง เหลือเพียงชุมชนเล็กๆที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เท่านั้น

Results (English) 1:

Nong Han Luang, head of the main town in the North of the Kingdom of Cambodia, it seems to be assumed that in the town of prathetrat, as well as the Khmer Kingdom of lavo or event, which is the administrative centre of Angkor (Angkor Thom) Nong Han Luang city has written, recorded in myth, in which khathatu's Phra that phanom, Nakhon phanom province one step [1]"...เมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว มัลลกษัตริย์ทั้งหลายได้ถวายพระเพลิงพระสรีระ แต่ไม่สำเร็จ จนเมื่อพระมหากัสสปะมาถึงได้อธิษฐานว่า พระธาตุองค์ใดที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่ภูกำพร้า ขอพระธาตุองค์นั้นเสด็จมาอยู่บนฝ่ามือ ดังนี้แล้ว พระอุรังคธาตุ ก็เสด็จมาอยู่บนฝ่ามือขวาของพระมหากัสสปะ ขณะนั้นไฟธาตุก็ลุกขึ้นโชติช่วง เผาพระสรีระได้เองเป็นอัศจรรย์ เมื่อถวายพระเพลิงและแจกพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ก็ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุ มาทางอากาศ แล้วมาลงที่ดอยแท่น (ภูเพ็กในปัจจุบัน) จากนั้นได้ไปบิณฑบาตที่ เมืองหนองหารหลวง เพื่อบอกกล่าวแก่พญาสุวรรณพิงคาระ ตำนานตอนนี้ตรงกับตำนานพระธาตุเชิงชุม และ[พระธาตุนารายณ์เจงเวง] ซึ่งมีรายละเอียดอยู่แล้วเมื่อพญาทั้ง 5 ซึ่งอยู่ ณ เมืองต่าง ๆ อันได้แก่ พญานันทเสน แห่งเมืองศรีโคตบูร พญาจุลณีพรหมทัต พญาอินทปัตถนคร พญาคำแดง แห่งเมืองหนองหานน้อย และพญาสุวรรณพิงคาระ แห่งเมืองหนองหารหลวง ได้พากันปั้นดินดิบก่อแล้วเผาไฟ ตามคำแนะนำของพระมหากัสสปะ แบบพิมพ์ดินกว้างยาวเท่ากับฝ่ามือพระมหากัสสปะครั้นปั้นดินเสร็จแล้วก็พากันขุดหลุมกว้าง 2 วา ลึก 2 ศอก เท่ากันทั้ง 4 ด้าน เมื่อก่อดินขึ้นเป็นรูปเตา 4 เหลี่ยม สูง 1 วา โดยพญาทั้ง 4 แล้ว พญาสุวรรณภิงคาระก็ได้ก่อส่วนบน โดยรวมยอดเข้าเป็นรูปฝาปารมีสูง 1 วา รวมความสูงทั้งสิ้น 2 วา แล้วทำประตูเตาไฟทั้ง 4 ด้าน เอาไม้จวง จันทน์ กฤษณา กระลำพัก คันธรส ชมพู นิโครธ และไม้รัง มาเป็นพื้น ทำการเผาอยู่ 3 วัน 3 คืน เมื่อสุกแล้วจึงเอาหินหมากคอยกลางโคก มาถมหลุม เมื่อสร้างอุโมงค์ดังกล่าวเสร็จแล้ว พญาทั้ง 5 ก็ได้บริจาคของมีค่าบรรจุไว้ในอุโมงค์เป็นพุทธบูชาจากนั้น พระมหากัสสปะ ก็ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุ เข้าบรรจุภายในที่อันสมควร แล้วให้ปิดประตูอุโมงค์ไว้ทั้ง 4 ด้าน โดยสร้างประตูด้วยไม้ประดู่ ใส่ดาลปิดไว้ทั้ง 4 ด้าน แล้วให้คนไปนำเอาเสาศิลาจากเมืองกุสินารา1 ต้น มาฝังไว้ที่มุมเหนือตะวันออก แปลงรูปอัศมุขี (ยักษิณีหน้าเป็นม้า) ไว้โคนต้นเพื่อเป็นหลักชัยมงคลแก่บ้านเมืองในชมพูทวีป นำเอาเสาศิลาจากเมืองพาราณสี 1 ต้น ฝังไว้มุมใต้ตะวันออก แปลงรูปอัศมุขีไว้โคนต้น เพื่อหมายมงคลแก่โลก นำเอาเสาศิลาจากเมืองตักศิลา 1 ต้น ฝังไว้มุมเหนือตะวันตก พญาสุวรรณพิงคาระให้สร้างรูปม้าอาชาไนยไว้ตัวหนึ่ง หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อแสดงว่าพระบรมธาตุเสด็จออกมาทางทิศทางนั้น และพระพุทธศาสนาจักเจริญรุ่งเรืองจากเหนือเจือมาใต้ พระมหากัสสปะให้สร้างม้าพลาหกไว้ตัวหนึ่ง คู่กัน หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อเป็นปริศนาว่า พญาศรีโคตบูรจักได้สถาปนาพระอุรังคธาตุไว้ตราบเท่า 5,000 พระวัสสา เกิดทางใต้และขึ้นไปทางเหนือ เสาอินทขีล ศิลาทั้ง 4 ต้น ยังปรากฏอยู่ 2 ต้น ทางทิศตะวันออก ส่วนอีก 2 ต้น ได้ก่อหอระฆังหุ้มไว้ ส่วนม้าศิลาทั้ง 2 ตัว ก็ยังปรากฏอยู่ถึงปัจจุบัน..."จากตำนานอุรังคธาตุ พอหมดสมัยของพระยาสุวรรณภิงคาระ กษัตริย์องค์ต่อมาคงปกครองเรื่อยมา แต่ไม่มีบทบาทเท่าพระยาสุวรรณภิงคาระ ไม่ก็เกิดสงคราม หรือก็อาจเกิดภัยธรรมชาติจนทำให้ต้องอพยพไปที่อื่น อาจจะเป็นเพราะสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งก็เป็นได้ จึงทำให้เมืองหนองหานหลวงร้าง และขาดหายไปจากประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่ง เหลือเพียงชุมชนเล็กๆที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เท่านั้น

Results (English) 2:

Nong Han is the main northern districts of the Khmer empire in those days. Assumed to be the town as well as the PSC or Lavo of the Khmer empire. The administrative center of the capital city (Angkor) Han capital city is recorded in writing. That's a myth th Built in the Phra That Phanom. Nakhon Phanom one that [1] "... was on his death already. Mallory kings of the fire had burned the body, but without success until Mahākāśyapa came to pray. Which would bring the relics enshrined at Phu helpless. That the Lord is come on the palms and the warm nest elements. It came on my right palm Mahākāśyapa. Then arose halogen incandescent. Burned the body itself is fantastic. When the fire and give him the relics successfully. Mahākāśyapa with the saint who had brought the 500 th element in the air and came down the hill platform. (Phu Phan today) and then went to the ALMS. City Nong Luang To notify the Suwan pingka the serpent. Legend of the now legendary match Shum. And [Phra Narai Weng], which are already on the 5 serpent who lived at various facilities including a serpent of Sri Ananda Sen Pinchot integration. Chiang Nee Phrommathat Microbiology Paya Paya date-turvy if the red city of Han little town. And the serpent Suwan pingka City of Nong Luang Together to produce the raw clay and fire. On the advice of Mahākāśyapa. Printed ground aspect of the palm Mahākāśyapa when clay is then dug wide and 2 meters deep, two feet as well as 4 sides, causing the soil to a 4 burner SQUARE-1 ​​that the serpent in 4 years. Governance Sub serpent's value is also triggered the top. Overall balance into a cap PARAMEE high 1 that includes a height of 2 meters, then scored fireplace and 4 in the wood Chuang Chan Bahadur Kralmpak Cant taste Pink Niocrt and wooden nest is basically burned in 3 days and 3 nights when cooked. Stone took the hump move forward to fill the hole created when the tunnel is completed, then cometh the 5 gave the value contained in the tunnel to Buddha then Mahākāśyapa also invite the warm nest elements. One contained an appropriate Then, close the doors on all four sides of the tunnel by a door with wood. Enter the 4 bars off and then they brought out the stone pillars from Kushinagar 1 originated buried in the northeast corner. Converting a team of Biomedical Field (Giantess page is a horse) as the base for the country's main Palace in India. Take the stone pillars from Varanasi, one of the south east corner buried. Convert Moon Knight writes in the stem. To mark the auspicious Take the stone pillars of the buried city of Taxila 1 north-west corner. Suwan pingka the serpent, create a horse trained by one. Facing north To show that the relics came out that direction. And Buddhism flourished from the compound known to south. Mahākāśyapa to build a horse Plahk one side, facing north. A mystery Si Phraya Pinchot integration shall be established in the warm nest elements as long as 5,000 of the material for the south and to the north pole Aintkil stone 4, also appeared in two from east and the other 2 plants have a tower bell sleeves. save The Stone Pony and 2 also appears to present ... " from the legendary th element. Suwan good enough the way out of Lord of the car. Later kings continued to rule until now. But no role as ruler of the value is good Suwan. It's not a war Or it could be due to natural disasters and the need to migrate to other places. May be due to any of it. It allows the city abandoned Nong Han And missing from the historical range. Only a small community that is not recorded in history only.

Results (English) 3:

หนองหานหลวง is main cities north of the Khmer empire in those days. Presumably, as well as is the town of Phimai or bone matrix of the Khmer empire. The central government at Angkor Thom ().The legend อุรัง katawut าตุ, when creating Phrathat. Nakhon Phanom province one episode that [1]
.
”…When the Buddha entered parinirvana. Mallos kings have the the body, but not until after peace movements came to pray. Any body to summon to enshrine relics at Phu an orphan.Thus, the อุรัง katawut าตุ. Come on the right hand of peace movements. Then arose bright with gastric ulcer Burn the body itself is wonderful. When the deal is done. And relics500 prince, took the อุรัง katawut าตุ, air and down mountain (mountain) from Winnipeg altar current zagorsk went to the city, หนองหารหลวง To tell an d against kara Legend Legend, now match the Phrathat choengchumThe details are already
.
When the whole 5 which at various cities, including the work, the sang Muang long tham of City Si coat bury paya capacity ลณี Prom which paya into nearby streets cross the word red, of the city of Nong Han. The campaign against Kara and of the city of หนองหารหลวง.On the advice of peace movements. An aspect of soil palm peace movements
.
When clay finished digged wide 2 Aqua deep 2 cubits, equal the 4 side when a soil in the furnace 4 square, high 1 wa By the 4 philosophy. The สุวรรณภิงคาร. It caused upper part. By integrating into a cover ปารมี high 1 wa2 aqua and goal, both 4 side took the wood stove Zhuang sandalwood, agarwood, Rini Marella klangwichien pink นิโครธ and wood nest, as is 3 burn. 3 day night. When cooked, then took a piece to the middle stone mound, filled the hole. When building the tunnel finished.5 can donate the valuables placed in a tunnel to Buddha
.
Then peace movements, it took the อุรัง katawut าตุ. In the inner packing at the time. To close the tunnel 4 aspects. The wood door, put off the 4 in Dal How to bring the stone pillars from เมืองกุสินารา 1 tree.Transform the wonderful มุขี (once a horse). On the stem to be sacred home city in India. The goal The stone pillar of Varanasi 1 wardrobe, buried in the South East corner, to transform the wonderful มุขี on stem to mark sacred to the world.1 tree buried on the right hand side นือ West. The campaign against Kara to create a horse wellborn conceited one facing north. To show relics come out the direction. Buddhism flourished and known from north to south. The preservativesTogether, facing north. As a puzzle. The Si coat camphor know establishing the อุรัง katawut าตุ it, as long as 5000 พระวั congressman, born South and North Pole อินทขีล stone both 4 plant also appears in early 2 East, and another 2 wardrobe created belfry covered. The stone horse both 2. Also appears to present... "

.From the อุรัง katawut าตุ enough out of date of Phraya สุวรรณภิงคาร. The king later would rule all along. But no role as Phraya สุวรรณภิงคาร, not war. Or maybe natural disasters that have migrated elsewhere.The city หนองหานหลวง deserted. And missing from the history period. Only a small community with no recorded history only
.