Some people who test positive for H

Some people who test positive for HIV were not aware of their risk. That’s why CDC recommends that providers in all health care settings make HIV testing a routine part of medical care for patients aged 13 to 64, unless the patient declines (opts out). This practice would get more people tested and help reduce the stigma around testing.
Even if you have been in a long-term relationship with one person, you should find out for sure whether you or your partner has HIV. If you are both HIV-negative and you both stay faithful (monogamous) and do not have other risks for HIV infection, then you probably won’t need another HIV test unless your situation changes.

Results (Thai) 1:

บางคนที่ทดสอบบวกสำหรับเอชไอวีไม่ได้ตระหนักถึงความเสี่ยงของพวกเขา ที่ว่าทำไม CDC แนะนำให้ผู้ให้บริการในการตั้งค่าการดูแลสุขภาพให้ทดสอบเอชไอวีเป็นส่วนหนึ่งที่ปกติของการดูแลทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยที่อายุ 13-64 เว้นแต่ลดลงของผู้ป่วย (opts ออก) วิธีนี้จะได้รับการทดสอบผู้คนมากขึ้นและช่วยลดความอัปยศรอบการทดสอบ.
แม้ว่าคุณจะได้รับในความสัมพันธ์ระยะยาวกับคนคนหนึ่งที่คุณควรจะหาแน่นอนไม่ว่าคุณหรือคู่ของคุณมีเอชไอวี ถ้าคุณมีทั้งเอชไอวีลบและคุณทั้งสองอยู่ซื่อสัตย์ (คู่สมรส) และไม่ได้มีความเสี่ยงอื่น ๆ สำหรับการติดเชื้อเอชไอวีแล้วคุณอาจจะไม่จำเป็นต้องทดสอบเอชไอวีอีกจนกว่าสถานการณ์ของคุณเปลี่ยนแปลง

Results (Thai) 2:

บางคนทดสอบบวกเอชไอวีไม่ได้ตระหนักถึงความเสี่ยง ที่ว่าทำไม CDC แนะนำว่า ผู้ให้บริการในการตั้งค่าการดูแลสุขภาพทั้งหมดทำให้เชื้อเอชไอวีในการทดสอบส่วนหนึ่งตามปกติของแพทย์สำหรับผู้ป่วยอายุ 13 ถึง 64 เว้นแต่ผู้ป่วยปฏิเสธ (งานออก) แบบฝึกหัดนี้จะได้รับการทดสอบคน และช่วยลดคาวรอบทดสอบ
แม้ว่าคุณได้รับในความสัมพันธ์ระยะยาวกับคน คุณควรค้นหาแน่นอนว่าคุณหรือคู่ของคุณมีเอชไอวี ถ้าคุณลบเอชไอวีและคุณซื่อสัตย์ทั้งพัก (เว้น) และไม่มีความเสี่ยงอื่น ๆ สำหรับเชื้อเอชไอวี แล้วคงจะไม่ได้ทดสอบเชื้อเอชไอวีอีกเว้นแต่การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์