การเกิดพิษของบอแรกซ์บอแรกซ์ เป็นวัต

การเกิดพิษของบอแรกซ์
บอแรกซ์ เป็นวัตถุห้ามใช้ในอาหาร หากบริโภคเข้าไป จะเกิดอันตรายต่อร่างกาย การบริโภคขนาด 0.1-0.5 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมอาจทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าผู้ใหญ่ได้รับสารบอแรกซ์ 15 กรัม หรือเด็กได้รับ 5 กรัม จะทำให้อาเจียนเป็นเลือดและอาจตายได้ บอแรกซ์เป็นพิษต่อไตและสมอง ทำให้ระบบทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะไตเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำให้เกิดกรวยไตอักเสบ เนื่องจากการสะสมของบอแรกซ์ และหากร่างกายได้รับสารบอแรกซ์ในปริมาณมาก จะทำให้เกิดกระเพาะอาหาร และลำไส้อักเสบ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อุจจาระร่วง ตับถูกทำลาย อาจชัก หมดสติ โดยเฉพาะในเด็ก และคนชรา อาจถึงตายได้ ผู้ฝ่าฝืน ใช้บอแรกซ์ผสมในอาหาร จะมีความผิดตามกฎหมาย โทษฐานผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุก 1 ปี หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 151 (พ.ศ. 2536) กำหนดให้บอแรกซ์เป็นสารที่ห้ามใช้ในอาหาร
การป้องกันเพื่อความปลอดภัย
1. หลีกเลี่ยงอาหารที่หยุ่นกรอบอยู่ได้นานผิดปกติ
2. เนื้อสัตว์ที่ซื้อมาปรุงอาหารต้องล้างให้สะอาดก่อนนำไปหั่น หรือสับ
3. ใช้ชุดทดสอบเบื้องต้นที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ผลิตออกจำหน่าย
4. หากสงสัย หรือพบมีการนำบอแรกซ์มาผสมอาหารให้ร้องเรียนกับ อย.
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เมื่อรับประทานบอแรกซ์เข้าไปปริมาณมาก ให้ดื่มน้ำ 1-2 แก้วแล้วไปพบแพทย์
5.สารขจัดสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้ง
สารเคมีที่นำมาใช้ในการขจัดสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้ง จะเป็นสารที่อันตรายมีฤทธิ์กัดกร่อน อย่างแรง ได้แก่ โซเดียมไฮดรอกไซด์ หรือกรดซัลฟุริก สารเคมีเหล่านี้ทำงานโดยการกัดกร่อนสิ่ง อุดตัน ในขณะเดียวกัน ก็มีคุณสมบัติกัดผิวหนังอย่างรุนแรงด้วย แม้กระทั่งไอระเหยของสารเหล่านี้ก็มีอันตรายอย่างแรงเช่นกัน ไม่แนะนำให้ใช้สารเคมีเหล่านี้ในเชิงป้องกันการอุดตัน แต่ให้ใช้น้ำต้มเดือด หรือผงฟูหนึ่งกำมือ และน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยเทลงในท่อน้ำทิ้งสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่าสารขจัดสิ่งอุดตุนในท่อน้ำทิ้ง รวมทั้งปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม มากกว่า ขณะใช้สารเคมีประเภทกรดหรือด่างอย่างแรง เพื่อขจัดสิ่งอุดตันต้องสวมถุงมือ และแว่นนิรภัยป้องกันการกระเด็นเข้าตา หลีกเลี่ยงการสูดดมไอที่เกิดขึ้น ถ้าใช้แล้วยังไม่ได้ผลท่อยังอุดตันอยู่ อย่าพยายามใช้ตัวปั๊มดันสิ่งอุดตันลงไป ซึ่งอาจจะทำให้สารเคมีในท่อถูกดันกลับขึ้นมาด้านบน และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดียวกัน แต่ต่างยี่ห้อมาใช้เพิ่มเข้าไป การใช้สารเคมีต่างชนิดผสมกันอาจทำให้เกิดก๊าซพิษ หรือเกิดปฏิกิริยาแล้วดันกลับขึ้นมาด้านบนได้ ถ้าสารเคมีดังกล่าวไม่ได้ผลท่อยังคงมีการอุดตันอยู่ควรเรียกช่างมาซ่อม โดยต้องบอกด้วยว่าใช้ผลิตภัณฑ์อะไรไปแล้ว เพื่อให้ช่างหา

Results (English) 1:

The occurrence of toxic raek providingบอแรกซ์ เป็นวัตถุห้ามใช้ในอาหาร หากบริโภคเข้าไป จะเกิดอันตรายต่อร่างกาย การบริโภคขนาด 0.1-0.5 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมอาจทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าผู้ใหญ่ได้รับสารบอแรกซ์ 15 กรัม หรือเด็กได้รับ 5 กรัม จะทำให้อาเจียนเป็นเลือดและอาจตายได้ บอแรกซ์เป็นพิษต่อไตและสมอง ทำให้ระบบทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะไตเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำให้เกิดกรวยไตอักเสบ เนื่องจากการสะสมของบอแรกซ์ และหากร่างกายได้รับสารบอแรกซ์ในปริมาณมาก จะทำให้เกิดกระเพาะอาหาร และลำไส้อักเสบ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อุจจาระร่วง ตับถูกทำลาย อาจชัก หมดสติ โดยเฉพาะในเด็ก และคนชรา อาจถึงตายได้ ผู้ฝ่าฝืน ใช้บอแรกซ์ผสมในอาหาร จะมีความผิดตามกฎหมาย โทษฐานผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุก 1 ปี หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 151 (พ.ศ. 2536) กำหนดให้บอแรกซ์เป็นสารที่ห้ามใช้ในอาหาร การป้องกันเพื่อความปลอดภัย1. หลีกเลี่ยงอาหารที่หยุ่นกรอบอยู่ได้นานผิดปกติ2. เนื้อสัตว์ที่ซื้อมาปรุงอาหารต้องล้างให้สะอาดก่อนนำไปหั่น หรือสับ3. ใช้ชุดทดสอบเบื้องต้นที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ผลิตออกจำหน่าย4. หากสงสัย หรือพบมีการนำบอแรกซ์มาผสมอาหารให้ร้องเรียนกับ อย.การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อรับประทานบอแรกซ์เข้าไปปริมาณมาก ให้ดื่มน้ำ 1-2 แก้วแล้วไปพบแพทย์5.สารขจัดสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้งสารเคมีที่นำมาใช้ในการขจัดสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้ง จะเป็นสารที่อันตรายมีฤทธิ์กัดกร่อน อย่างแรง ได้แก่ โซเดียมไฮดรอกไซด์ หรือกรดซัลฟุริก สารเคมีเหล่านี้ทำงานโดยการกัดกร่อนสิ่ง อุดตัน ในขณะเดียวกัน ก็มีคุณสมบัติกัดผิวหนังอย่างรุนแรงด้วย แม้กระทั่งไอระเหยของสารเหล่านี้ก็มีอันตรายอย่างแรงเช่นกัน ไม่แนะนำให้ใช้สารเคมีเหล่านี้ในเชิงป้องกันการอุดตัน แต่ให้ใช้น้ำต้มเดือด หรือผงฟูหนึ่งกำมือ และน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยเทลงในท่อน้ำทิ้งสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่าสารขจัดสิ่งอุดตุนในท่อน้ำทิ้ง รวมทั้งปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม มากกว่า ขณะใช้สารเคมีประเภทกรดหรือด่างอย่างแรง เพื่อขจัดสิ่งอุดตันต้องสวมถุงมือ และแว่นนิรภัยป้องกันการกระเด็นเข้าตา หลีกเลี่ยงการสูดดมไอที่เกิดขึ้น ถ้าใช้แล้วยังไม่ได้ผลท่อยังอุดตันอยู่ อย่าพยายามใช้ตัวปั๊มดันสิ่งอุดตันลงไป ซึ่งอาจจะทำให้สารเคมีในท่อถูกดันกลับขึ้นมาด้านบน และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดียวกัน แต่ต่างยี่ห้อมาใช้เพิ่มเข้าไป การใช้สารเคมีต่างชนิดผสมกันอาจทำให้เกิดก๊าซพิษ หรือเกิดปฏิกิริยาแล้วดันกลับขึ้นมาด้านบนได้ ถ้าสารเคมีดังกล่าวไม่ได้ผลท่อยังคงมีการอุดตันอยู่ควรเรียกช่างมาซ่อม โดยต้องบอกด้วยว่าใช้ผลิตภัณฑ์อะไรไปแล้ว เพื่อให้ช่างหา

Results (English) 3:

Toxicity of borax
borax is banned in food objects. If consume, there will be danger to the body size 0.1-0 consumption.5 grams per one kg body weight may be fatal. If the adults are borax 15 grams or get 5 g will cause vomiting blood and may die. Borax is toxic to the kidneys and brain.The kidney is the organ most affected, causing renal pelvis inflammation due to accumulation of borax. And if the body has a borax in large quantities, can cause stomach and intestinal inflammation have nausea, vomitingDiarrhea liver is damaged, may draw out, especially in children and the elderly. May be fatal, who through force, using borax mixed in food are guilty according to the law. For food production, not pure, a penalty of not more than 20.000) or imprisonment 1 years or both remember the notification health issue 151 (the 2536) determine to borax is banned substances in food.

1, protection to the safety. Avoid foods that yielding frame is unusually long
2.Meat purchased cook have to wash before the cut or chopped
3. Use the test set ต้นท at Department of medical products sold
4.? When in doubt, or found the borax mixed food to file a complaint with the FDA
.First aid
when eating of Borax in large quantities, drink the water 1-2 glass and see a doctor
5) eliminate blockages in the sewers of
.The chemicals used to remove the blockages in the sewer. Is a substance that danger is extremely corrosive, including sodium hydroxide or acid sulfate Fu Rick. These chemicals work by corrosion. Clogged. At the same time.Even these vapors danger is hard as well. Not recommend to use these chemicals and prevent clogging, but to use the water boiling or baking powder unmatched hand.Which will effectively eliminate it equivalent substance in the sewers of filling freshness As well as the user and environment than while using the chemical types of acid or alkali as force. In order to remove the blockages to wear gloves.Avoid inhalation of vapors occurs. If it still doesn't work the pipe is clogged. Don't try to use the pump body to push the blockages. This may cause the chemicals in the pipe is pushed back up top. And should not use the product in the same group.The use of different types of chemical mixture may cause toxic gas. Or the reaction and push back on top. If such chemicals ineffective pipes are still clogged should call the repairman. The need to tell use what product.