To isolate the effect of religiosit

To isolate the effect of religiosity on economic growth, the authors have dealt with the
possibility of reverse effects from development to religion. They base this on the
‘Secularization Hypothesis’ (Weber, 1930), which says that economic development
causes individuals to become less religious, as measured by church attendance and
religious beliefs. The beliefs may refer to heaven, hell, an afterlife, God and so on. A
second theory talks about demand and supply of religions, focusing on competition
among religion providers. A greater diversity of religions available in a country or region
is thought to promote greater competition, hence a higher quality of religion product and
one that is tailored better to Individual preferences. Thus more religious diversity
stimulates greater religious participation and beliefs. This was propounded by Adam
Smith as early as in 1791, which compared to today was much less diverse. So in today’s
context religious diversity is an important factor.
The extent of religious diversity the extent of religious diversity and competition
are thought to depend on how the government regulates the market for religion. For
example, the existence of an established state church is viewed as one source of a low
degree of religious pluralism and, therefore, of low participation in organized religion.
Greater state regulation of religion, measured by, among other things, whether the
government appoints or approves church leaders is argued to decrease the efficiency of
religion providers and, therefore, to generate lower rates of church attendance.
The authors’ approach to the determinants of religiosity assumes that demand and
supply forces combine to influence levels of religious participation and beliefs. They try
to pin down the direction of causation from religion to economic performance, rather than
the opposite. The instrumental variables used are (i) Dummy for the existence of a state
religion, and (ii) Dummy for existence of a regulated market structure in which govt.
approves or appoints religious leaders. An instrument for religious adherence is also used.

Results (Thai) 2:

เพื่อแยกผลกระทบของศาสนาต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ผู้เขียนได้เกี่ยวข้องกับความเป็นไปได้ของผลกระทบจากการพัฒนาที่ตรงกันข้ามกับศาสนา พวกเขาฐานนี้ใน
'Secularization สมมติฐาน (เวเบอร์ 1930) ซึ่งกล่าวว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่เป็นสาเหตุที่ทำให้บุคคลที่จะกลายเป็นศาสนาน้อยเป็นวัดโดยการเข้าร่วมประชุมคริสตจักรและความเชื่อทางศาสนา ความเชื่ออาจจะหมายถึงสวรรค์นรกชีวิตหลังความตายพระเจ้าและอื่น ๆ ทฤษฎีที่สองพูดถึงเกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทานของศาสนาที่มุ่งเน้นไปที่การแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการศาสนา ความหลากหลายมากขึ้นของศาสนาที่มีอยู่ในประเทศหรือภูมิภาคที่คิดว่าจะส่งเสริมการแข่งขันมากขึ้นจึงมีคุณภาพสูงของผลิตภัณฑ์และศาสนาหนึ่งที่มีการปรับแต่งที่ดีกว่าการตั้งค่าส่วนบุคคล ดังนั้นความหลากหลายทางศาสนามากขึ้นจะช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมมากขึ้นทางศาสนาและความเชื่อ นี้ได้รับการ propounded โดยอดัมสมิ ธ เป็นช่วงต้นใน 1791 ซึ่งเมื่อเทียบกับวันนี้เป็นวันที่มีความหลากหลายมากน้อย ดังนั้นในวันนี้บริบทหลากหลายทางศาสนาเป็นปัจจัยสำคัญ. ขอบเขตของความหลากหลายทางศาสนาในระดับของความหลากหลายทางศาสนาและการแข่งขันที่กำลังคิดว่าจะขึ้นอยู่กับวิธีการที่รัฐบาลควบคุมการตลาดสำหรับศาสนา สำหรับตัวอย่างเช่นการดำรงอยู่ของคริสตจักรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นถูกมองว่าเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของต่ำระดับของพหุนิยมทางศาสนาและดังนั้นการมีส่วนร่วมในระดับต่ำในศาสนา. กฎระเบียบของรัฐมากขึ้นของศาสนาวัดจากเหนือสิ่งอื่นใดไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลแต่งตั้งหรือได้รับการอนุมัติผู้นำคริสตจักรเป็นที่ถกเถียงกันเพื่อลดประสิทธิภาพของการให้บริการด้านการศาสนาและดังนั้นในการสร้างอัตราการลดลงของการเข้าร่วมประชุมคริสตจักร. วิธีการที่ผู้เขียน 'เพื่อปัจจัยของศาสนาอนุมานว่าอุปสงค์และกองกำลังของอุปทานรวมจะมีผลต่อระดับการมีส่วนร่วมทางศาสนาและความเชื่อ พวกเขาพยายามที่จะขาลงทิศทางของสาเหตุจากศาสนาเพื่อประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจมากกว่าตรงข้าม ตัวแปรที่ใช้เป็นเครื่องมือ (i) การจำลองสำหรับการดำรงอยู่ของรัฐศาสนาและ(ii) Dummy สำหรับการดำรงอยู่ของโครงสร้างตลาดที่มีการควบคุมในการที่รัฐบาล. อนุมัติแต่งตั้งหรือผู้นำทางศาสนา เครื่องมือสำหรับการยึดมั่นในศาสนานอกจากนี้ยังใช้

Results (Thai) 3:

เพื่อแยกผลของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผู้เขียนได้รับผลย้อนกลับจาก
ความเป็นไปได้ของการพัฒนาเพื่อศาสนา พวกเขายึดนี้
'secularization สมมติฐาน ( Weber , 1930 ) ซึ่งกล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจ
สาเหตุบุคคลกลายเป็นศาสนาน้อยกว่า เป็นวัด โดยการเข้าร่วมประชุมคริสตจักรและ
ความเชื่อทางศาสนา ความเชื่ออาจหมายถึงสวรรค์ นรกชีวิตหลังความตาย พระเจ้าและ a
2 ทฤษฎีพูดคุยเกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทานของศาสนา เน้นการแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการ
ศาสนา เพิ่มความหลากหลายของศาสนาที่มีอยู่ในประเทศหรือภูมิภาค
เป็นความคิดที่ส่งเสริมการแข่งขันที่มากขึ้น จึงมีคุณภาพสูงของผลิตภัณฑ์และศาสนาหนึ่งที่เหมาะดีกว่า
ความชอบของแต่ละบุคคล ดังนั้น ศาสนามากขึ้นความหลากหลาย
กระตุ้นการมีส่วนร่วมมากขึ้น ศาสนาและความเชื่อ นี้ถูกเสนอโดยอดัมสมิธ
เร็ว 1791 ซึ่งเมื่อเทียบกับวันนี้มีความหลากหลายน้อยมาก ดังนั้นในวันนี้
บริบททางศาสนาความหลากหลายเป็นปัจจัยที่สำคัญ
ขอบเขตของความหลากหลายทางศาสนาในขอบเขตของความหลากหลายทางศาสนาและการแข่งขัน
คิดว่า ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะควบคุมตลาดศาสนา สำหรับ
ตัวอย่าง การมีอยู่ของการก่อตั้งรัฐโบสถ์ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของระดับต่ำ
ของพหุศาสนาและดังนั้นการมีส่วนร่วมในระดับต่ำในองค์กรศาสนา
มากกว่ารัฐกฎระเบียบของศาสนา , วัด , หมู่สิ่งอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรืออนุมัติแต่งตั้ง
ผู้นำโบสถ์เป็นแย้งเพื่อลดประสิทธิภาพของ
ผู้ให้บริการศาสนาและ ดังนั้นการลดอัตราการเข้าโบสถ์
ของผู้เขียน วิธีการของการกำหนดอุปสงค์และอุปทานถือว่า
บังคับรวมมีอิทธิพลต่อระดับของการมีส่วนร่วมทางศาสนาและความเชื่อ พวกเขาพยายาม
pin ลงทิศทางของสาเหตุจากศาสนาทางเศรษฐกิจมากกว่า
ตรงข้ามดนตรีที่ใช้อยู่ ( ผม ) ตัวแปรหุ่นเพื่อการดำรงอยู่ของรัฐ
ศาสนา และ ( 2 ) หุ่นสำหรับการดำรงอยู่ของการควบคุมโครงสร้างตลาดที่ Govt
เห็นชอบหรือแต่งตั้งผู้นำศาสนา เป็นเครื่องมือสำหรับการยึดมั่นศาสนายังใช้