SIAM Commercial Bank has outlined i

SIAM Commercial Bank has outlined its short- and long-term business plans, which are focused on implementing buffers to tackle economic uncertainty and building a healthy bank via a huge investment in technology.

Arthid Nanthawithaya, chief executive officer of the bank and deputy chairman of its executive committee, yesterday said that unknown external factors were a major worry, and the bank acknowledged that it should have own buffers against such risk, including staying close to its clients to ensure that the buffers were sufficient.

The bank will increase its focus on risk management to make sure that its asset quality does not deteriorate, as it has experienced in the past, he stressed.

Last year, SCB had substantially higher provision expenses, including full provision for Sahaviriya Steel Industries and the write-down of a loan to the steel company for its operations in the United Kingdom.

This resulted in its full-year profit falling to Bt47.2 billion, from Bt53 billion the year before, he said.




SCB must increase its capability from its existing business as well as forming a solid 'new foundation', with the latter being a long-term plan, said Arthid.

With some sectors posing a higher risk exposure than others, the bank will increase its capability in three customer segments: the number of small SMEs in its customer base; the number of mid-sized corporates; and wealthy customers' assets under management.

As regards the new foundation, SCB will press ahead with digitisation by setting aside 1 per cent-1.5 per cent of annual net profit to invest in technology, he said.

The bank recently submitted an application to the Bank of Thailand to establish a wholly owned subsidiary responsible for digital technology.

The new company will also put together a venture-capital fund with an initial budget of US$50 million (Bt1.8 billion) to invest in start-up and FinTech (financial technology) businesses, he explained.

"Venture capital will help SCB increase its understanding in technology, which is a field [of investment] that the bank has never touched before. We might have a partnership in setting up the venture-capital funding," he said

Arthid will be chairman of the new company and Thana Thienachariya, a former executive of Total Access Communication (DTAC), will head up the business.

SCB president Yol Phokasub said the bank's cost-to-income ratio stood at 37 per cent, which could rise to 40 per cent via new investment - a level that would, however, still be below the average of 44 per cent for the country's other four major banks.

This means SCB has plenty of room for significant investment in technology, he said, adding that it would set aside around Bt1 billion a year to support the new company.

He said that apart from digital technology, SCB's banking business under the "SCB Next 2020" vision must change from a focus on lending to clients in product manufacturing and distribution to the enablement of a customer ecosystem, under which it would have to deliver experience to customers and provide them with security solutions and big-data analytics.

Yol added that even though the economic slowdown continued to affected its profitability, the long-term future was for a healthy bank, and SCB was building for the future by transforming via what he called 'new banking DNA

Results (Thai) 1:

ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ระบุไว้เป็นระยะสั้น และระยะยาวแผนธุรกิจ ซึ่งจะเน้นการใช้บัฟเฟอร์เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และสร้างการลงทุนขนาดใหญ่ในเทคโนโลยีธนาคารสุขภาพอาทิตย์อาทิตย์นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารและรองประธานกรรมการ เมื่อวานนี้กล่าวว่า ปัจจัยภายนอกที่ไม่รู้จักต้องกังวลสำคัญ และธนาคารรับทราบควรมีบัฟเฟอร์เองกับเช่นความเสี่ยง รวมทั้งอยู่ใกล้กับลูกค้าเพื่อให้แน่ใจว่า บัฟเฟอร์เพียงพอ ธนาคารจะเพิ่มความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงเพื่อให้แน่ใจว่า คุณภาพของสินทรัพย์เสื่อมสภาพ ตามที่ได้มีประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา เขา ปี ธนาคารมีค่าใช้จ่ายสำรองค่าสูง รวมเต็มสำรองสตีลอินดัสและลดค่าของเงินกู้เพื่อการดำเนินการของบริษัทเหล็กในประเทศไทย นี้ส่งผลให้กำไรทั้งปีลดลงถึง Bt47.2 พันล้าน จาก Bt53 พันล้านปีก่อน เขากล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ต้องเพิ่มความสามารถในจากธุรกิจที่มีอยู่เช่นเดียวกับการสร้างฐานแข็งแรง' ใหม่' หลังการ วางแผนระยะยาว กล่าวว่า อาทิตย์ มีบางภาคที่วางตัวเสี่ยงสูงกว่าคนอื่น ๆ ธนาคารจะเพิ่มความสามารถในการในกลุ่มลูกค้าสาม: จำนวนวิสาหกิจขนาดเล็กในฐาน จำนวนขนาดกลางบริษัทสัญชาติ และจัดการทรัพย์สินของลูกค้าที่ร่ำรวย เกี่ยวกับมูลนิธิใหม่ ธนาคารไทยพาณิชย์จะกดหน้ากับ digitisation โดยตั้งค่ากันไว้ร้อยละ 1 - 1.5 ร้อยละของกำไรสุทธิประจำปีการลงทุนเทคโนโลยี เขากล่าวว่า ธนาคารเพิ่งส่งโปรแกรมประยุกต์ไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยสร้างมีบริษัทในเครือรับผิดชอบเทคโนโลยีดิจิตอล บริษัทใหม่จะยังใส่กันกองทุนร่วมกับงบประมาณเริ่มต้น $50 ล้านสหรัฐ (Bt1.8 พันล้าน) ลงทุนในการเริ่มต้นและธุรกิจ (เทคโนโลยีทางการเงิน) FinTech เขาอธิบาย "ทุนจะช่วยเพิ่มความเข้าใจในเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเขตข้อมูลที่ธนาคารไม่เคยได้สัมผัสก่อนได้ [การลงทุน] ธนาคารไทยพาณิชย์ เราอาจมีความร่วมมือในการตั้งค่าการลงทุนทุน เขากล่าว อาทิตย์จะเป็นประธานกรรมการของบริษัทใหม่และธนา Thienachariya ผู้บริหารเดิมของทั้งหมดเข้าถึงการสื่อสาร (DTAC), จะขึ้นกับธุรกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ไทยพาณิชย์ญนน์โภคทรัพย์กล่าวว่า อัตราส่วนต้นทุนรายได้ของธนาคารอยู่ที่ 37 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสามารถขึ้นไป 40 เปอร์เซ็นต์ผ่านการลงทุนใหม่ - ระดับที่จะ อย่างไรก็ตาม มีเฉลี่ย 44 ร้อยต่อประเทศอีก 4 ธนาคารชั้นนำ ซึ่งหมายความว่า SCB มีสำหรับลงทุนในเทคโนโลยี เขากล่าวว่า เพิ่มว่า จะตั้งค่าไว้รอบ Bt1 ล้านปีเพื่อสนับสนุนบริษัทใหม่ เขากล่าวว่า นอกเหนือจากเทคโนโลยีดิจิตอล SCB ของธนาคารธุรกิจภายใต้การ "ไทยพาณิชย์ต่อ 2020" วิสัยทัศน์ต้องเปลี่ยนจากเน้นการให้สินเชื่อให้กับลูกค้าในการผลิตผลิตภัณฑ์การท่าของระบบนิเวศลูกค้า ภายใต้ซึ่งก็จะมีการส่งมอบประสบการณ์ลูกค้า และให้ความปลอดภัยวิเคราะห์แก้ปัญหาและข้อมูลใหญ่ ญนน์เพิ่มที่ถึงแม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อผลกำไรของ ในอนาคตระยะยาวเป็นธนาคารสุขภาพ และธนาคารไทยพาณิชย์ที่ถูกสร้างสำหรับอนาคต โดยการเปลี่ยนผ่านสิ่งที่เขาเรียกว่า ' ใหม่ธนาคารดีเอ็นเอ

Results (Thai) 2:

ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ระบุไว้ในระยะสั้นและระยะยาวแผนธุรกิจของ บริษัท ซึ่งจะมุ่งเน้นการดำเนินการบัฟเฟอร์ที่จะแก้ไขปัญหาความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการสร้างธนาคารมีสุขภาพดีผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ในเทคโนโลยี. อาทิตย์นันทวิทยา, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารและรองประธาน คณะกรรมการบริหารของเมื่อวานนี้กล่าวว่าปัจจัยภายนอกที่ไม่รู้จักเป็นกังวลที่สำคัญและธนาคารที่ได้รับการยอมรับว่ามันควรจะมีบัฟเฟอร์ตัวเองกับความเสี่ยงดังกล่าวรวมถึงการเข้าพักใกล้กับลูกค้าของตนเพื่อให้มั่นใจว่าบัฟเฟอร์เพียงพอ. ธนาคารจะเพิ่มความสำคัญกับ การบริหารความเสี่ยงเพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพสินทรัพย์ของมันไม่ได้เสื่อมลงตามที่ได้มีประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมาเขาเน้น. ปีที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์มีค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองสูงขึ้นอย่างมากรวมถึงการให้เต็มรูปแบบสำหรับสหวิริยาอุตสาหกรรมเหล็กและเขียนลงของเงินให้กู้ยืมเพื่อ บริษัท สตีลสำหรับการดำเนินงานในสหราชอาณาจักร. นี้ส่งผลให้กำไรทั้งปีของมันล้มลงไป Bt47.2 พันล้านจาก 53 พันล้านปีก่อนเขากล่าวว่า. ไทยพาณิชย์จะต้องเพิ่มขีดความสามารถของมันมาจากธุรกิจที่มีอยู่เช่นเดียวกับการจัดตั้ง . ของแข็ง 'รากฐานใหม่' กับหลังเป็นแผนระยะยาว, อาทิตย์กล่าวว่ากับบางภาควางตัวความเสี่ยงสูงกว่าคนอื่น ๆ ธนาคารจะเพิ่มขีดความสามารถในสามกลุ่มลูกค้า: จำนวนผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็กในฐานลูกค้า ; จำนวน บริษัท เอกชนขนาดกลาง; และทรัพย์สินของลูกค้าที่ร่ำรวย 'ภายใต้การบริหาร. As regards ใหม่มูลนิธิธนาคารไทยพาณิชย์จะกดไปข้างหน้าด้วยแปลงโดยการตั้งค่ากัน 1 ร้อยละ 1.5 ร้อยละของกำไรสุทธิประจำปีต่อการลงทุนในเทคโนโลยีที่เขากล่าวว่า. ธนาคารเพิ่งส่งใบสมัครไปที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยให้จัดตั้ง บริษัท ย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดที่รับผิดชอบในการเทคโนโลยีดิจิตอล. บริษัท ใหม่ยังจะใส่กันเป็นกองทุนร่วมทุนด้วยงบประมาณเริ่มต้นของสหรัฐ $ 50 ล้านบาท (1.8 พันล้านดอลลาร์) ในการลงทุนในการเริ่มต้นขึ้นและ FinTech (การเงิน เทคโนโลยี) ธุรกิจเขาอธิบาย. "ร่วมทุนจะช่วยให้ธนาคารไทยพาณิชย์เพิ่มความเข้าใจในด้านเทคโนโลยีซึ่งเป็นเขต [การลงทุน] ว่าธนาคารได้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน. เราอาจจะมีความร่วมมือในการตั้งค่าการระดมทุนร่วมทุนทุน" เขากล่าวว่าอาทิตย์จะเป็นประธานของ บริษัท ใหม่และ ธ นาเธียรอัจฉริยะอดีตผู้บริหารของโทเทิ่ลแอ็สื่อสาร (DTAC) จะมุ่งหน้าขึ้นทางธุรกิจ. ไทยพาณิชย์ประธาน Yol Phokasub กล่าวว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของธนาคารอยู่ที่ร้อยละ 37, ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 ผ่านการลงทุนใหม่. - ระดับที่จะ แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของร้อยละ 44 สำหรับอีกสี่ธนาคารรายใหญ่ของประเทศที่ซึ่งหมายความว่าธนาคารมีมากมายห้องพักสำหรับการลงทุนที่สำคัญในด้านเทคโนโลยีเขากล่าวว่า เพิ่มว่ามันจะตั้งสำรองรอบ 1 พันล้านบาทต่อปีเพื่อสนับสนุน บริษัท ใหม่. เขากล่าวว่านอกเหนือจากเทคโนโลยีดิจิตอลธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ภายใต้ "SCB ถัดไป 2020" วิสัยทัศน์ที่จะต้องเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นในการให้กู้ยืมเงินให้กับลูกค้าในการผลิตสินค้าและ แจกจ่ายให้กับการเปิดใช้งานของระบบนิเวศลูกค้าภายใต้ซึ่งมันจะมีการส่งมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าและให้พวกเขาด้วยโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยและการวิเคราะห์ใหญ่ข้อมูล. Yol เสริมว่าแม้ว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจยังคงได้รับผลกระทบการทำกำไรในอนาคตระยะยาว เป็นธนาคารที่มีสุขภาพดีและธนาคารไทยพาณิชย์ได้สร้างสำหรับอนาคตโดยการเปลี่ยนผ่านสิ่งที่เขาเรียกว่า 'ดีเอ็นเอธนาคารใหม่