The purpose of the TPA bill was to

The purpose of the TPA bill was to give the president greater negotiating powers to "fast track" trade deals, and access new trading partners in the international marketplace. The bill was, however, a victim of the long-drawn-out system of congressional debate, which allowed other bits of legislation to be added before its final adoption. The pro-Israel lobby had secured an amendment to the trade law which obliged the US government to discourage EU countries from endorsing the fast growing BDS movement in Europe.

As usual, the devil was in the detail. One curious aspect of the amendment referred not only to commercial activity with the State of Israel but also "to Israeli-controlled territories". This latter phrase was especially problematic because it was an obvious reference to the Israeli settlements in the occupied West Bank. It implied that the US government supports the clearly illegal settlements.

As soon as the alarm bells about this started to ring, the State Department went into overdrive, issuing a clarification a day after Obama had signed the bill. While affirming US opposition to boycotts of Israel, spokesman John Kirby said a provision of the bill conflated "Israel" and "Israeli-controlled territories". He then emphasised that, just like every other administration since 1967, the Obama administration opposes Israeli settlement activity beyond the 1949 Armistice (the "Green") Line.

Lobbying to get US support for Israel in the face of BDS is one thing, but using US legislation to try to legitimise Israeli settlements is quite another. The State Department was right, therefore, to set the record straight and draw a line under the matter. On this occasion the pro-Israel lobby had, in the words of Israel's Haaretz newspaper, bitten off more than it could chew.

What happened in Washington this week must serve as a lesson to the pro-Israel lobby, wherever it may operate; unreasonable and over-zealous advocacy on behalf of Israel can backfire and become counter-productive.

For example, a few weeks ago the lobby in Britain pressured the University of Southampton to cancel an international academic conference on Palestine on the pretext that some of the proposed speakers hold anti-Semitic views. Although the cancellation did seem like a victory at the time, the fact that the university was drawn into an acrimonious stand-off with some of its academic staff, which eventually ended up in the High Court, only served to highlight the intellectual bankruptcy of Israel's supporters. By resorting to such methods to stifle debate and silence critics they only made the Palestinian case more appealing and popular.

Back in America, meanwhile, the announcement by the United Church of Christ (UCC) that it is going to divest from companies operating in the occupied West Bank coincided with this week's amendment of the TPA bill and the subsequent State Department disavowal of the conflation of Israel with the territories it "controls", the lobby's euphemism for "occupies and colonises".

The TPA bill development was not the first chink in the wall of Israeli immunity in Washington. Last month, the US Supreme Court ruled in favour of the government against the family of one Menachem Zivotofsky, who had taken legal action to get the boy's birthplace listed on official documents as "Jerusalem, Israel". In effect, the court ruling was a resounding rejection of Israel's claim to the occupied city. This week's intervention by the State Department constitutes another blow to Israel's anti-BDS campaign by Washington with its refusal to defend illegal settlements or criminalise the boycott against them.

To some observers, these developments may be tentative baby steps, but in the grand scheme of the global struggle against Israeli apartheid they are important because the Americans, significantly, are finally smelling the coffee.

Decades of appeasement have resulted in irreparable damage to their country's image, interests and influence in the Middle East. The age of full spectrum hegemony in this region is over. There was a time when an American bark was enough to bring recalcitrant regional states into line. That is no longer the case. Instead, America has, for example, been led down a path of never-ending negotiations by Iran over its nuclear programme. In a way, the Americans are being given a taste of their own medicine, which has been administered to the Palestinians since the Madrid Peace Conference in 1991.

The moral is simple; if you uphold the law and practice what you preach you will, at the very least, earn respect and influence. This is why Washington has more or less declared its tacit support for the BDS campaign against Israel's illegal settlements in the occupied West Bank and Jerusalem. Far from outlawing BDS, as the lobbyists proclaim, Washington has given the campaign a very welcome boost.

Results (Thai) 1:

วัตถุประสงค์ของรายการส.ส.ท.ได้ให้ประธานมากกว่าการเจรจาต่อรองอำนาจกับข้อเสนอทางการค้า "เร่งด่วน" เข้าคู่ในตลาดนานาชาติค้าใหม่ รายการได้ อย่างไรก็ตาม ตกเป็นเหยื่อของระบบ long-drawn-out การอภิปรายตั้ง ซึ่งได้รับอนุญาตบิตอื่น ๆ ของกฎหมายจะเพิ่มก่อนการยอมรับขั้นสุดท้าย ล็อบบี้สนับสนุนอิสราเอลมีความปลอดภัยการแก้ไขกฎหมายทางการค้าซึ่ง obliged รัฐบาลสหรัฐฯ กีดกันประเทศ EU จาก endorsing ย้าย BDS เติบโตอย่างรวดเร็วในยุโรปตามปกติ ปีศาจอยู่ในรายละเอียด ด้านหนึ่งอยากรู้อยากเห็นที่แก้ไขการอ้างอิงไม่เพียงแต่กิจกรรมทางการค้ากับรัฐอิสราเอล แต่ยัง "อิสราเอลควบคุมดินแดน" วลีนี้หลังมีปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นการอ้างอิงที่ชัดเจนไปจ่ายในฝั่งตะวันตกครอบครองอิสราเอล โดยนัยว่า รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนการชำระเงินไม่ถูกต้องชัดเจนเป็นปลุก bells เกี่ยวกับเรื่องนี้เริ่มต้นแหวน กระทรวงไปเป็น overdrive ออกชี้แจงตลอดหลังจากที่ Obama ได้ลงนามในรายการ ขณะเห็นพ้องสหรัฐฯ ต่อต้านการ boycotts ของอิสราเอล โฆษกจอห์นเคอร์บี้กล่าวว่า ส่วนสำรองตั๋ว conflated "อิสราเอล" และ "ดินแดนที่อิสราเอลควบคุม" เขาแล้ว emphasised ว่า เหมือนทุกจัดการอื่น ๆ ตั้งแต่ 1967 บริหาร Obama opposes กิจกรรมชำระอิสราเอลเกินบรรทัด 1949 สงบศึก ("สีเขียว")การวิ่งเต้นให้เราสนับสนุนอิสราเอลหน้า BDS สิ่งหนึ่ง แต่ใช้กฎหมายสหรัฐฯ พยายาม legitimise จับคู่อิสราเอลมากอีกด้วย กระทรวงถูก ดังนั้น การตั้งค่าระเบียนตรง และวาดเส้นภายใต้เรื่องการ ในโอกาสนี้ ล็อบบี้สนับสนุนอิสราเอล คำพูดของหนังสือพิมพ์ Haaretz อิสราเอล กัดปิดมากกว่ามันอาจวเจตสิ่งที่เกิดขึ้นในวอชิงตันสัปดาห์นี้ทำบทเรียนทางอิสราเอลสนับสนุน ที่ใดก็ ตามอาจมี หลุย unreasonable และกระตือรือร้นมากเกินไปในนามของอิสราเอลสามารถ backfire และกลายเป็น counter-productiveตัวอย่าง ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาล็อบบี้ในสหราชอาณาจักรกดดันมหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตันเพื่อยกเลิกการต่างประเทศต่อที่ประชุมวิชาการในปาเลสไตน์ในข้ออ้างที่ว่า บางลำโพงเสนอถือ Semitic ต่อต้านมุมมอง แม้ว่าการยกเลิกไม่ได้เหมือนเป็นชัยชนะในเวลา ความจริงที่ว่า มหาวิทยาลัยที่ออกไปมี acrimonious ยืนปิดกับบางส่วนของพนักงานวิชาการ ซึ่งในที่สุดสิ้นสุดในศาลสูง เพียงเพื่อเน้นล้มละลายทางปัญญาของผู้สนับสนุนอิสราเอล โดยพยายามมากเช่นวิธี การอภิปรายการยับยั้งการสร้างเงียบนักวิจารณ์ พวกเขาทำเท่ากรณีปาเลสไตน์มากขึ้นน่าสนใจ และเป็นที่นิยมนั้นในอเมริกา ในขณะเดียวกัน ประกาศ โดยสหคริสตจักรของพระคริสต์ (UCC) ที่มันจะ divest จากบริษัทที่ทำงานในฝั่งตะวันตกครอบครอง ร่วมกับการแก้ไขของสัปดาห์นี้รายการส.ส.ท.และบทบัญญัติว่าด้วยภาครัฐต่อมาของ conflation ของอิสราเอลกับเขตจะ "ควบคุม" ลีลาของล็อบบี้ "ใช้ และ colonises"การพัฒนารายการส.ส.ท.ไม่ chink แรกผนังของภูมิคุ้มกันที่อิสราเอลในวอชิงตัน เดือน สหรัฐอเมริกาศาลฎีกาพิพากษาลงรัฐบาลกับครอบครัวหนึ่งเฮ Zivotofsky ซึ่งได้นำมาดำเนินการตามกฎหมายจะได้รับแหล่งกำเนิดของเด็กผู้ชายที่อยู่ในเอกสารเป็น "เยรูซาเลม อิสราเอล" ผล ปกครองศาลมีการปฏิเสธการเตรียมของเรียกร้องอิสราเอลครอบครองเมือง สัปดาห์นี้การแทรกแซง โดยภาครัฐถือระเบิดอีกแคมเปญต่อต้าน BDS อิสราเอลโดยวอชิงตันมีการปฏิเสธเพื่อป้องกันการชำระเงินไม่ถูกต้อง หรือ criminalise คว่ำบาตรกับพวกเขาให้ผู้สังเกตการณ์บาง พัฒนาเหล่านี้อาจเป็นตอนเด็กแน่นอน แต่ในแผนงานแกรนด์ของปราบปราม apartheid อิสราเอลทั่วโลก จะมีความสำคัญเนื่องจากชาวอเมริกัน มาก สุดหอมกาแฟของ appeasement ทำให้ในความเสียหายส่งภาพของประเทศของพวกเขา ประโยชน์ และอิทธิพลในตะวันออกกลาง อายุของเจ้าของความถี่ทั้งหมดในภูมิภาคนี้คือผ่าน มีเวลาเมื่อเปลือกเป็นอเมริกันก็เพียงพอที่จะนำภูมิภาคอเมริกา recalcitrant เป็นบรรทัด อย่างนั้นไม่ แทน อเมริกา ตัวอย่าง การนำลงเส้นทางของผืนเจรจา โดยอิหร่านผ่านของโครงการนิวเคลียร์ วิธี ชาวอเมริกันจะได้รับรสชาติของยาของตนเอง ซึ่งได้บริหารเพื่อชาวปาเลสไตน์ที่ตั้งแต่สันติมาดริดใน 1991นิทานเป็นเรื่อง ถ้าคุณผดุงกฎหมาย และฝึกอะไรคุณประกาศคุณจะ อย่างน้อย ได้รับความเคารพและอิทธิพล นี่คือเหตุผลที่วอชิงตันได้ประกาศการสนับสนุน tacit แคมเปญ BDS กับอิสราเอลจับคู่ไม่ถูกต้องในเวสต์แบงค์และเยรูซาเลมครอบครองน้อย จาก outlawing BDS เป็น lobbyists การประกาศ วอชิงตันได้ให้การส่งเสริมการขายเพิ่มยินดีต้อนรับ

Results (Thai) 2:

วัตถุประสงค์ของการเรียกเก็บเงิน TPA คือการให้อำนาจประธานการเจรจาต่อรองมากขึ้นเพื่อ "การติดตามอย่างรวดเร็ว" ข้อเสนอการค้าและการเข้าถึงคู่ค้าใหม่ในตลาดต่างประเทศ บิล แต่เป็นเหยื่อของระบบยืดยาวออกจากการอภิปรายของรัฐสภาซึ่งได้รับอนุญาตบิตอื่น ๆ ของการออกกฎหมายที่จะเพิ่มการยอมรับก่อนที่จะเป็นครั้งสุดท้าย ล็อบบี้โปรอิสราเอลการรักษาความปลอดภัยการแก้ไขกฎหมายการค้าซึ่งจำเป็นที่รัฐบาลสหรัฐที่จะกีดกันจากประเทศในสหภาพยุโรปสาเคลื่อนไหวที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว BDS ในยุโรป. ตามปกติมารอยู่ในรายละเอียด แง่มุมหนึ่งที่อยากรู้อยากเห็นการแก้ไขเรียกว่าไม่เพียง แต่จะมีกิจกรรมเชิงพาณิชย์ของรัฐอิสราเอล แต่ยัง "ดินแดนอิสราเอลควบคุม" วลีนี้หลังเป็นปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะมันเป็นข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจนในการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลในเวสต์แบงก์ครอบครอง มันส่อให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐสนับสนุนการตั้งถิ่นฐานที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน. ทันทีที่ระฆังปลุกเกี่ยวกับเรื่องนี้เริ่มที่จะแหวนกระทรวงการต่างประเทศเดินเข้าไปในพิกัดออกชี้แจงวันหลังจากที่โอบามาได้ลงนามในใบเรียกเก็บเงิน ในขณะที่ฝ่ายค้านเห็นพ้องสหรัฐคว่ำบาตรของอิสราเอลจอห์นเคอร์บีโฆษกกล่าวว่าบทบัญญัติของบิลแฟทต์ "อิสราเอล" และ "ดินแดนอิสราเอลควบคุม" จากนั้นเขาก็ย้ำว่าเช่นเดียวกับทุกการบริหารอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 1967 โอบามาบริหารกิจกรรมต่อต้านอิสราเอลยุติเกิน 1949 ศึก ("สีเขียว") สาย. วิ่งเต้นที่จะได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอิสราเอลในใบหน้าของ BDS เป็นสิ่งหนึ่ง แต่การใช้ กฎหมายของสหรัฐที่จะพยายามที่จะถูกต้องตามกฎหมายอิสราเอลตั้งถิ่นฐานค่อนข้างอื่น กระทรวงการต่างประเทศที่ถูกต้องจึงจะตั้งค่าการบันทึกตรงและวาดเส้นใต้ว่า ในโอกาสนี้ล็อบบี้โปรอิสราเอลมีในคำพูดของอิสราเอลหนังสือพิมพ์เร็ตซ์, กัดออกมากกว่าที่มันจะเคี้ยว. สิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้จะต้องทำหน้าที่เป็นบทเรียนกับล็อบบี้โปรอิสราเอลใดก็ตามที่มันอาจดำเนินการ; ไม่มีเหตุผลและมากกว่ากระตือรือร้นสนับสนุนในนามของอิสราเอลสามารถย้อนกลับมาและกลายเป็นเคาน์เตอร์. ยกตัวอย่างเช่นไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในสหราชอาณาจักรล็อบบี้กดดัน University of Southampton ที่จะยกเลิกการประชุมวิชาการนานาชาติเกี่ยวกับปาเลสไตน์โดยอ้างว่าบางส่วนของที่นำเสนอ ลำโพงถือมุมมองต่อต้านยิว แม้ว่าการยกเลิกไม่ดูเหมือนชัยชนะในเวลาจริงที่ว่ามหาวิทยาลัยก็ถูกดึงเข้าไปแหลมคมยืนปิดกับบางส่วนของนักวิชาการซึ่งในที่สุดก็จบลงในศาลทำหน้าที่เพียงเพื่อเน้นการล้มละลายทางปัญญาของอิสราเอล สนับสนุน โดยหันไปใช้วิธีการดังกล่าวจะยับยั้งการอภิปรายและนักวิจารณ์เงียบพวกเขาเท่านั้นที่ทำกรณีปาเลสไตน์น่าสนใจมากขึ้นและเป็นที่นิยม. ย้อนกลับไปในอเมริกาขณะที่ประกาศโดยโบสถ์คริสต์ (UCC) ที่มันเป็นไปปลดจาก บริษัท ที่ดำเนินงานใน ยึดครองเวสต์แบงก์ใกล้เคียงกับการแก้ไขการเรียกเก็บเงิน TPA ในสัปดาห์นี้และกระทรวงการต่างประเทศที่ตามมา disavowal ของ conflation ของอิสราเอลกับดินแดนมันว่า "ควบคุม" ถ้อยคำของล็อบบี้สำหรับ "ครองและ colonises". การพัฒนาการเรียกเก็บเงิน TPA ไม่ได้เป็นร่องแรก ในผนังของภูมิคุ้มกันอิสราเอลในกรุงวอชิงตัน เดือนที่ผ่านมาศาลฎีกาสหรัฐปกครองในความโปรดปรานของรัฐบาลกับครอบครัวของเมนา Zivotofsky ที่ได้รับดำเนินการตามกฎหมายที่จะได้รับบ้านเกิดของเด็กที่ระบุไว้ในเอกสารอย่างเป็นทางการว่า "เยรูซาเล็มอิสราเอล" ผลการพิจารณาคดีของศาลก็ปฏิเสธดังก้องของการเรียกร้องของอิสราเอลไปยังเมืองที่กำลังทำงานอยู่ การแทรกแซงในสัปดาห์นี้โดยกระทรวงการต่างประเทศถือว่าเป่าให้รณรงค์ต่อต้าน BDS ของอิสราเอลโดยวอชิงตันอีกปฏิเสธที่จะปกป้องการตั้งถิ่นฐานที่ผิดกฎหมายหรือเป็นอาชญากรคว่ำบาตรกับพวกเขา. เพื่อสังเกตการณ์บางคน, การพัฒนาเหล่านี้อาจจะเป็นขั้นตอนทารกเบื้องต้น แต่ในโครงการใหญ่ของ การต่อสู้ทั่วโลกกับการแบ่งแยกสีผิวอิสราเอลพวกเขามีความสำคัญเพราะชาวอเมริกันอย่างมีนัยสำคัญเป็นที่สุดกลิ่นกาแฟ. ทศวรรษของการสงบมีผลในการเกิดความเสียหายไม่สามารถแก้ไขได้ภาพลักษณ์ของประเทศของพวกเขาสนใจและมีอิทธิพลในตะวันออกกลาง อายุอำนาจเต็มสเปกตรัมในภูมิภาคนี้ที่มีมากกว่า มีเวลาเมื่อเปลือกอเมริกันก็มากพอที่จะนำรัฐในระดับภูมิภาคบิดพลิ้วเป็นสายเป็น นั่นคือไม่มีกรณี แต่อเมริกาได้ยกตัวอย่างเช่นถูกนำลงเส้นทางของการเจรจาที่ไม่มีที่สิ้นสุดโดยอิหร่านโครงการนิวเคลียร์ของตน ในวิธีที่ชาวอเมริกันมีการรับรสชาติของยาของตัวเองซึ่งได้รับการบริหารให้กับชาวปาเลสไตน์นับตั้งแต่การประชุมสันติภาพอัลมาดริดในปี 1991 ทางศีลธรรมคือง่าย ถ้าคุณรักษากฎหมายและการปฏิบัติสิ่งที่คุณคุณจะสั่งสอนที่อย่างน้อยที่สุดได้รับความเคารพและมีอิทธิพลต่อ นี่คือเหตุผลที่วอชิงตันได้มากหรือน้อยประกาศอย่างเป็นทางการโดยปริยายสำหรับแคมเปญ BDS กับการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลที่ผิดกฎหมายในครอบครองเวสต์แบงก์และเยรูซาเล็ม ห่างไกลจากห้าม BDS เป็น lobbyists ประกาศวอชิงตันได้ให้การรณรงค์เพิ่มการต้อนรับมาก