This research aim is to improve man

This research aim is to improve management aspect such as behaviours, attendance and class work of second year group of secondary students. In order to do so, the paper analyzing how positive and negative reinforcement works in the school setting, and how teachers play a significant role in this regard. The study employs a sample of 125 students and eight teachers. The data is collected through focus group discussion, in-depth interviews and direct observations. Positive reinforcement resulted in increasing self-confidence of student and creates a learning environment in a classroom. On the contrary, negative reinforcement in comparison to the positive reinforcement precedes the unpleasant response and as a result of disappearance increases the frequency of the desired behaviour. The extent of reinforcement is based on the desired behaviour from students. Most of the teachers preferred token economies as reinforcement strategy. The effective strategies of positive and negative reinforcement can facilitate in achieving the desired behaviour in the classroom. Hence, the extent and frequency must be appropriately chosen.

Results (Thai) 1:

จุดมุ่งหมายการวิจัยนี้คือการ ปรับปรุงด้านการจัดการเช่นวิญญาณ เข้างาน และระดับการทำงานของกลุ่มปีที่สองของนักเรียนรอง การทำ กระดาษวิเคราะห์เสริมวิธีบวก และลบทำงานตั้งโรงเรียน และว่าครูมีบทบาทสำคัญในการนี้ การศึกษาใช้ตัวอย่างของนักเรียน 125 คนและครู 8 ข้อมูลจะถูกรวบรวมผ่านโฟกัสกลุ่มสนทนา สัมภาษณ์เชิงลึก และการสังเกตการณ์โดยตรง เสริมแรงทางบวกเป็นผลในการเพิ่มความมั่นใจของนักเรียน และสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียน ดอก เสริมค่าลบ โดยการเสริมแรงทางบวกก่อนหน้าการตอบสนองที่ไม่พึงประสงค์ และจากการหายตัวไปเพิ่มความถี่ของพฤติกรรมที่ต้อง ขอบเขตของเหล็กเสริมจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่ต้องการจากนักเรียน ส่วนใหญ่ของประเทศโทเค็นครูเป็นกลยุทธ์เสริมสร้าง กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพของเหล็กเสริมบวก และลบสามารถอำนวยความสะดวกในการทำพฤติกรรมที่ต้องการในห้องเรียน ดังนั้น ขอบเขตและความถี่ต้องเหมาะสมเลือก

Results (Thai) 2:

จุดมุ่งหมายของงานวิจัยนี้คือการปรับปรุงด้านการจัดการเช่นพฤติกรรมการเข้าร่วมชั้นเรียนและการทำงานของกลุ่มในปีที่สองของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา เพื่อที่จะทำเช่นนั้นกระดาษวิเคราะห์วิธีการเสริมแรงทางบวกและลบในการตั้งค่าการทำงานโรงเรียนและวิธีการที่ครูมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างที่มีพนักงาน 125 คนและครูแปด ข้อมูลจะถูกเก็บรวบรวมผ่านการสนทนากลุ่มการสัมภาษณ์ในเชิงลึกและการสังเกตโดยตรง เสริมแรงทางบวกส่งผลในการเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนและสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียน ในทางตรงกันข้ามการเสริมแรงทางลบในการเปรียบเทียบกับการเสริมแรงบวกก่อนการตอบสนองที่ไม่พึงประสงค์และเป็นผลมาจากการหายตัวไปเพิ่มความถี่ของพฤติกรรมที่ต้องการ ขอบเขตของการเสริมแรงจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่ต้องการจากนักศึกษา ครูส่วนใหญ่ที่ต้องการเศรษฐกิจ token เป็นกลยุทธ์การเสริมแรง กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพของการเสริมแรงบวกและลบสามารถอำนวยความสะดวกในการบรรลุพฤติกรรมที่ต้องการในห้องเรียน ดังนั้นขอบเขตและความถี่จะต้องเลือกอย่างเหมาะสม

Results (Thai) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาด้านการบริหารจัดการ เช่น พฤติกรรมและการทำงานของกลุ่มเข้าเรียนในปีที่ 2 ของนักเรียนมัธยมศึกษา เพื่อให้กระดาษวิเคราะห์ว่าผลงานการเสริมแรงบวกและลบในสถานศึกษา และครูมีบทบาทในเรื่องนี้ การศึกษาใช้ตัวอย่างของ 125 นักเรียนและแปดคนโดยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสนทนากลุ่ม และการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก การสังเกตโดยตรง การเสริมแรงทางบวก ส่งผลให้เพิ่มความมั่นใจในตนเองของนักเรียน และสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในห้องเรียน ในทางตรงกันข้ามการเสริมแรงทางลบในการเปรียบเทียบกับการเสริมแรงบวกนำหน้าการตอบสนองไม่เป็นที่พอใจ และผลของการเพิ่มความถี่ของพฤติกรรมที่ต้องการ . ขอบเขตของการสนับสนุนจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของนักเรียน ครูส่วนใหญ่ของประเทศที่ต้องการแสดงเป็นกลยุทธ์การเสริมแรงกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเสริมแรงบวกและลบ สามารถอำนวยความสะดวกในการบรรลุคุณลักษณะพฤติกรรมในชั้นเรียน ดังนั้น ขอบเขตและความถี่จะต้องเหมาะสมที่จะเลือก