When taking into account this wider

When taking into account this wider perception of income, elasticity coefficients are calculated by applying a third and a fourth approaches (See Table 1). The third approach consists in calculating the labour elasticity coefficient as a relative weight in GDP of the sum of compensations of employees and net mixed income (presented as 1/3 of the sum of net operating surplus and net mixed income). A distinctive feature of this approach is that the relative significance of labour income is overestimated since total income of non-corporate enterprises is counted to it, which is also coupled with overestimation of the relative share of capital income as it is obtained as a residual value comprising all other components of the GDP income structure. The fourth approach implies a return to the fundamental model construction of the growth accounting concept by initially differentiating the relative share of capital income and presenting the weight of labour income as a residual value. Under this approach, labour income is identified with the sum of all other components of the GDP income structure outside the sum of net operating surplus and net mixed income. This way, the outcome is once again overestimating the relative weights of labour and capital incomes, respectively, due to the residual character of the income elasticity coefficient, as well as disregarding the fact that net mixed income includes incomes from labour. Thus, by means of the last two approaches the distortion in the measurement of the relative share of labour, conditioned by the different interpretations of net mixed income, is effectively dealt with. The next basic methodological issue of empirical analysis relates to the manner of measuring the growth of the labour

Results (Thai) 1:

เมื่อการพิจารณารับรู้นี้กว้างของรายได้ ค่าสัมประสิทธิ์ความยืดหยุ่นจะคำนวณ โดยใช้วิธีที่สามและสี่ (ดูตารางที่ 1) วิธีที่สามประกอบด้วยในการคำนวณค่าสัมประสิทธิ์ความยืดหยุ่นของแรงงานเป็นน้ำหนักสัมพัทธ์ใน GDP ของผลรวมของค่าตอบแทนของพนักงานและผสม (แสดงเป็น 1/3 ของผลรวมสุทธิที่ทำรายได้รวมเกิน และสุทธิ) รายได้สุทธิ คุณลักษณะโดดเด่นของวิธีการนี้จะเป็น overestimated ความสำคัญสัมพัทธ์ของรายได้แรงงานเนื่องจากรายได้ทั้งหมดไม่ใช่องค์กรองค์กรจะถูกนับไป ซึ่งจะยังควบคู่ไปกับ overestimation ร่วมสัมพันธ์ของเงินทุนจะได้รับเป็นค่าส่วนที่เหลือประกอบด้วยส่วนประกอบทั้งหมดของโครงสร้าง GDP รายได้ วิธีสี่หมายถึงกลับไปก่อสร้างรูปแบบพื้นฐานของแนวคิดทางบัญชีการเจริญเติบโต โดยเริ่มขึ้นต้นร่วมสัมพันธ์ของทุนรายได้ และการนำเสนอน้ำหนักรายได้แรงงานเป็นค่าส่วนที่เหลือ ภายใต้วิธีการนี้ มีระบุรายได้ที่แรงงาน มีผลรวมของส่วนประกอบทั้งหมดของโครงสร้างรายได้ GDP นอกจำนวนสุทธิที่ทำรายได้รวมสุทธิ และส่วนเกิน ด้วยวิธีนี้ ผลลัพธ์เป็นครั้ง overestimating น้ำหนักสัมพัทธ์ของแรงงาน และทุนรายได้ ตามลำดับ เนื่องจากอักขระเหลือของสัมประสิทธิ์ความยืดหยุ่นรายได้ ตลอดจนโดยข้อเท็จจริงว่า กำไรสุทธิรวมมีรายได้จากแรงงาน ดังนั้น โดยสองสุดท้ายยื่นความผิดเพี้ยนในการวัดของการแบ่งปันญาติแรงงาน ปรับอากาศ โดยการตีความแตกต่างของผสมรายได้สุทธิ ถูกจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการ ต่อไปปัญหา methodological พื้นฐานผลการวิเคราะห์กับวิธีวัดการเจริญเติบโตของแรงงาน

Results (Thai) 2:

เมื่อคำนึงถึงการรับรู้ในวงกว้างนี้ของรายได้ค่าสัมประสิทธิ์ความยืดหยุ่นคำนวณโดยใช้หนึ่งในสามและแนวทางที่สี่ (ดูตารางที่ 1) วิธีที่สามประกอบด้วยในการคำนวณค่าสัมประสิทธิ์ความยืดหยุ่นของแรงงานเป็นน้ำหนักสัมพัทธ์ใน GDP ของผลรวมของค่าตอบแทนของพนักงานและรายได้สุทธิผสม (แสดงเป็น 1/3 ของผลรวมของส่วนเกินจากการดำเนินงานสุทธิและรายได้สุทธิผสม) คุณลักษณะที่โดดเด่นของวิธีนี้คือความสำคัญญาติของรายได้แรงงานเกินไปเนื่องจากรายได้รวมของผู้ประกอบการที่ไม่ใช่องค์กรที่จะถูกนับไปซึ่งเป็นคู่ยังมีการประเมินค่าสูงของส่วนแบ่งญาติของรายได้ทุนในขณะที่มันจะได้รับเป็นค่าที่เหลือ ประกอบชิ้นส่วนอื่น ๆ ของโครงสร้างรายได้ของจีดีพี แนวทางที่สี่หมายถึงผลตอบแทนการก่อสร้างรูปแบบพื้นฐานของการเจริญเติบโตของแนวคิดการบัญชีขั้นต้นจากความแตกต่างของส่วนแบ่งรายได้ของญาติของเงินทุนและนำเสนอน้ำหนักของรายได้แรงงานเป็นค่าที่เหลือ ภายใต้วิธีการนี​​้รายได้แรงงานจะถูกระบุด้วยผลรวมขององค์ประกอบอื่น ๆ ของโครงสร้างรายได้นอก GDP ผลรวมของส่วนเกินจากการดำเนินงานสุทธิและรายได้สุทธิผสม วิธีนี้ผลที่ได้เป็นอีกครั้งที่ไขว้เขวน้ำหนักสัมพัทธ์ของแรงงานและรายได้ทุนตามลำดับเนื่องจากตัวละครที่เหลือจากค่าส​​ัมประสิทธิ์ความยืดหยุ่นของรายได้เช่นเดียวกับการไม่คำนึงถึงความจริงที่ว่ารายได้สุทธิผสมรวมถึงรายได้จากแรงงาน ดังนั้นโดยใช้วิธีการที่สองวิธีการบิดเบือนในการวัดของส่วนแบ่งญาติของแรงงานปรับอากาศโดยการตีความที่แตกต่างกันของรายได้ผสมสุทธิจะจัดการอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ปัญหาต่อไปวิธีการพื้นฐานของการวิเคราะห์เชิงประจักษ์ที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของการวัดการเจริญเติบโตของแรงงานที่

Results (Thai) 3:

เมื่อพิจารณานี้กว้างรับรู้รายได้ ค่าสัมประสิทธิ์ความยืดหยุ่น คำนวณโดยใช้วิธีที่สามและที่สี่ ( ดูตารางที่ 1 ) วิธีที่สามประกอบด้วยในการคำนวณค่าสัมประสิทธิ์ความยืดหยุ่นเป็นแรงงานหนักสัมพัทธ์ใน GDP ของผลรวมของค่าตอบแทนของพนักงานและรายได้รวมสุทธิ ( แสดงเป็น 1 / 3 ของผลรวมของการดําเนินงานสุทธิและรายได้รวมมูลค่าสุทธิ )คุณสมบัติเด่นของวิธีการนี้คือ ว่า ความสำคัญของรายได้แรงงานประมาณการรายได้รวมของบริษัท บริษัท เนื่องจากไม่นับกับมัน ซึ่งก็ควบคู่ไปกับการประเมินมากเกินไปของส่วนแบ่งรายได้ เป็นญาติของทุนที่ได้รับเป็นค่าประกอบด้วยคอมโพเนนต์อื่น ๆที่เหลือทั้งหมดของ GDP รายได้ โครงสร้างวิธีที่สี่ หมายถึงกลับไปที่รูปแบบพื้นฐานของแนวคิดการสร้างบัญชีโดยเริ่มต้นการแบ่งปันรายได้และญาติของทุนเสนอน้ำหนักรายได้ของแรงงานเป็นมูลค่าที่เหลือ ภายใต้แนวคิดนี้รายได้แรงงานระบุกับผลรวมของส่วนประกอบอื่น ๆของ GDP รายได้ โครงสร้างภายนอก ผลรวมของการดําเนินงานสุทธิและรายได้รวมมูลค่าสุทธิ ด้วยวิธีนี้ ผลเป็นอีกครั้งประเมินน้ำหนักญาติของแรงงานและตลาดทุน ตามลำดับ เนื่องจากตัวละครที่เหลือของสัมประสิทธิ์ความยืดหยุ่นของรายได้ ,ตลอดจนมองข้ามความจริงที่ว่ารายได้รวมสุทธิรวมถึงรายได้จากแรงงาน ดังนั้น โดยช่วงสองแนวทางการบิดเบือนในการวัดแบ่งญาติของแรงงาน ปรับอากาศโดยการตีความแตกต่างกันของรายได้รวมสุทธิ ได้อย่างมีประสิทธิภาพจัดการต่อไปปัญหาพื้นฐานในการวิเคราะห์เชิงประจักษ์ที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของการวัดการเจริญเติบโตของแรงงาน